อย่าลืมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก้ทำงานทุกอย่างครับแต่ไม่ได้อะไรเลย ไปแสดงพลังให้รู้ครับว่าทุกวิชาชีพก้สำคัญ

อยากจะรู้ว่าจะเรียกร้องอะไรกันมากมาย...มีแต่พวกคุณๆเท่านั้นหรือที่ทำงาน..เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นหมื่นเป็นแสนที่เค้าทำงานได้โดยไม่มีค่าตอบแทนอื่นๆนอกจากเงินเดือนไม่เห็นว่าพวกเค้าจะเรียกร้องอะไรเลย...พวกคุณก็เห็นแก่ได้อ่ะ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวทั้งน้าน...อะไรนิดอะไรหน่อยก็ประท้วงๆๆๆๆ นี่หรือวิสัยของปัญญาชนที่อ้างตัวเองว่าทำเพื่อประชาชน ทำเพื่อผู้ป่วย...คราวหลังอย่าไปพูดอย่างนี้ให้ใครได้ยินนะ...ละอายแก่ใจบ้าง

แพทย์โปรดทราบ

เราไม่ได้ประท้วงท่านนะคะแต่เราเพียงต้องการให้ผู้ใหญ่ได้ทราบว่าทุกคนทุกระดับมีค่าการจะเพิ่มราคาไม่ควรเพิ่มเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผลประโยชน์สร้างความแตกแยก น่าจะเป็นบทเรียนให้ผู้ใหญ่ตระหนัก แพทย์เรียนมากได้มากไม่เป็นไร แต่คนอื่นหล่ะ ท่านได้แล้วท่านสบายใจเหรอ จริงๆแล้วควรนำเงินก้อนนี้มาดูแลบุคลากรทุกระดับดีกว่ามั๊ยแพทย์ทั้งหลายจะว่าไง

ท่านผู้ใหญ่ในกระทรวง  หรือสภาพยาบาล สำนักฯ ควรให้ความเป็นธรรม ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ น่ะค่ะ แค่ฟังชื่อกระทรวงก็รู้  ว่ากระทรวงสาธารณสุข แต่ในทางปฏิบัติมันไม่ใช่ แต่เป็นกระทรวงหมอ  ว่าไหม

เมื่อ10ปีที่แล้วตอนบรรจุใหม่ไม่เคยรับรู้เลยว่ามันจะมีเงินแบบนี้ รู้แค่ว่ามีเงินเดือนกะโอที ก็คาดหวังแค่นี้ พอรัฐฯให้อะไรมากกว่าที่คาดหวังเลยเป็นสุข ไม่ทุกข์ใจ พี่ๆเพื่อนๆและน้องๆควรพอใจในสิ่งที่มียินดีกับสิ่งที่ได้ ใจจะสงบสังคมจะน่าอยู่

หมอจะพูดยังไงก็ได้เพราะคุณได้เห็นๆ งานในโรงพยาบาลชุมชน พยาบาลทำแทนเกือบทั้งหมด อยู่เวร นอนอยู่บ้าน อยู่คลินิก โทรตามกว่าจะมา แต่หมอดีก็มีนะ ว่าแต่หมอไร้จิตสำนึก

เห็นด้วยกับความเห็นที่ 8 มากที่สุด

เห็นด้วยกับความเห็นที่8มากที่สุด  เลขาธิการจะว่าไง  หรือพูดว่าถ้าไม่พอใจก็ลาออกไป

พยาบาลใจเย็นๆ มีสติหน่อย ค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย เค้าให้วิชาชีพที่ขาดแคลนในตลาด ตัวเลขที่ได้มันมาจากค่าการตลาดจริงๆ  ต้องยอมรับว่าเค้าจ้างพยาบาลเงินเดือนก็ต่างกับแพทย์มากจริงๆ คุณคิดดูถ้ารัฐต้องการพยาบาลมากจริงๆป่านนี้เค้าบรรจุพยาบาลจบใหม่เป็นข้าราชการไปกันแล้ว ยิ่งพยาบาลอายุมากเอกชนก็ไม่ค่อยต้องการเพราะจ้างแพง สมรรถภาพร่างกายลด

คุณหมอค่ะ ขอโทษนะค่ะ พยาบาลก้อเป็นวิชาชีพหนั่งที่ต้องทำงานร่วมกับท่านร่วมกับกระทรวง ในโรงพยาบาลชุมชน ถึงแม้ว่าจะบอกว่างานน้อยก้อต้องพิจารณาหรือลองมาทำงานในความเป็นจริงสิค่ะว่าเป็นอย่างไร อีกอย่างเราไม่ได้ประท้วงหรือร้องเรียนพวกท่าน หรือว่าท่านกลัวว่าจะไม่ได้เงินตามที่ครม.ให้ท่านแล้ว(กลัวเขายกเลิกหรือค่ะ) จึงต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจแทน

ผมว่าเรามาผลักดันความเป็นทีมสหวิชาชีพ ดีกว่า ทุกคนทำส่วนที่ควรทำ และ "ค่าตอบแทน พตส" เปลี่ยนเป็น"ค่าตอบแทนทีมสหวิชาชีพ" เฉลี่ยในอัตราเดียวกันเพี่ยงอย่างเดียว จะดีกว่านะ มีเกียรติ และเท่าเทียมกันเพราะเราทำงานเป็นทีม

ทุกวิชาชีพก็คงต้องทำงานเหนื่อยเหมือนกันแต่ก็คงอยากให้ได้ผลตอบแทนทดแทนค่าเหนื่อยเช่นกัน  และไม่ควรแตกต่างกันมาก  การให้ค่าตอบแทนที่ต่างกันเกินไปก็จะเกิดความเหลื่อมล้ำและประท้วงกันแบบนี้ไม่เลิกเพราะถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งงานทุกอย่างก็ไม่มีทางสำเร็จ กระทรวงต้องหาจุดยืน

เห็นด้วยกับพยาบาลชุมชน  ช่วยเข้าใจวิชาชีพอื่นด้วยมันแตกต่างกันมากจึงทำให้มีเรื่องประท้วงแบบนี้นักแล

เห็นด้วยกับทุกความคิดเห็น แต่คุณรู้ไหมเงินเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่แพทย์จะได้รับเป็นเงินบำรุง รพ.คุณลองคิดดูถ้าเงิน รพ.หมดจะทำอย่างไร เช่น รพ.ดิฉันต้องจ่ายให้แพทย์ประมาณปีละ 2 ล้านบาท แล้วลูกจ้างชั่วคราวจะอยู่ได้อย่างไร

พยาบาลชุมชนทนกับพฤติกรรมของแพทย์ที่เอาเปรียบมานานแสนนาน แพทย์อยู่เวรนอนที่บ้านตามมาดูคนไข้ก็ยากแสนยาก หรือไม่มาเลย พยาบาลตรวจคนไข้แทนเสมอๆ เวลาพยาบาลขาดอัตรากำลังก็ไม่ให้มี โอ.ที เหนื่อยสุดๆก็ต้องอดทนเพื่อผู้ป่วย มีผู้หลักผู้ใหญ่ในสภาการพยาบาลหรือในกระทรวงเคยมองเห็นหรือไม่

สมมุติญาติคุณป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่ถ้าไม่รักษาจะต้องตาย มีโรงพยาบาลให้คุณเลือก 2 โรงพยาบาล คือ

1 โรงพยาบาล ก มีหมอที่เก่งมากๆ แต่มีพยาบาลที่ไม่ได้เรื่อง

2 โรงพยาบาล ข มีหมอที่ไม่ได้เรื่อง แต่มีพยาบาลที่เก่งมาก ๆ

ให้คิดแบบไม่มีอคติคุณจะเลือกโรงพยาบาลใหน ถ้าคุณเลือก 2 แปลว่าคุณให้ความสำคัญกับทุกอาชีพเท่ากัน   แต่ถ้าคุณเลือก1 ซึ่งก็คงเหมือนกับคนอีก 99.99 เปอร์เซน แปลว่าคุณคิดว่าแต่ละวิชาชีพมีความสำคัญตแกต่างกัน  อันนี้ยังไม่ได้นำความขาดแคลนเข้ามาคิดนะ 

สภาการพยาบาลพึ่งพาอะไรได้บ้าง หรือจ๊ะ รอชาติหน้าบ่ายๆกระมัง สร้างหลักเกณฑ์ความก้าวหน้าในวิชาชีพตนเองมากมาย ไม่เหมือนวิชาชีพอื่นๆที่ไม่ต้องสอบอะไรให้ยุ่งยาก เราเรียนมา กว่าจะจบระดับ ป. โท ก็ยากแสนยาก ยังต้องมาสอบวุฒิบัตร ทั้งๆที่ทำงานเหนื่อยแทบตาย สอบปากเปล่ากรรมการแต่ละห้องก็ไม่เหมือนกัน บางห้องเดินเข้าไปถามไม่ถึง 5 นาทีไล่ออกนอกห้องก็สอบผ่านแล้ว กีดกันกันมากไปหรือเปล่าท่าน

กระทรวงสาธารณสุขถ้าเปรียบกับร่างกายมนุษย์   กระทรวง/ส่วนกลางคือระบบสมองที่คอยสั่งการ  กับระบบหัวใจและหลอดเลือดที่คอยสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงให้ทั่วร่างกาย  เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ และทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์   อวัยวะส่วนต่างๆในร่างกายก็เปรียบได้กับทีมสหวิชาชีพ ที่ต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดตามที่สมองสั่งการมา เพื่อให้ความเป็นมนุษย์ของคนๆนั้นสมบูรณ์แบบ  แต่เมื่อใดก็ตามถ้าระบบหัวใจและหลอดเลือดมีปัญหา ไม่สามารถสูบฉีดเลือด ไปเลี้ยงทั่วร่างกายอย่างทั่วถึง จะทำให้ส่วนที่ขาดเลือดไปเลี้ยงเกิดปัญหา ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจลุกลามใหญ่โต รักษาไม่หาย  บางครั้งทำให้เกิดปัญหากับทุกระบบของร่างกายและอาจตายได้  ฉันใดก็ฉันนั้น กระทรวงสาธารณสุขก็เช่นกัน การดูแลบุคลากรทุกระดับ ทุกสาขา ก็ต้องดูแลอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม เพื่อให้วิชาชีพต่างๆในกระทรวงรู้สึกอุ่นใจ รู้สึกถึงความเป็นธรรม  รู้สึกถึงความอบอุ่นในการทำงานร่วมกันระหว่างทีมสหวิชาชีพ เพราะทุกวิชาชีพทำงานอย่างโดดเดี่ยวไม่ได้  ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันหมด(น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า) ถ้าหากมีค่าตอบแทนที่หลายสาขาวิชาชีพเริ่มรู้สึก หรือเริ่มมองเห็นความแตกต่าง ความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นแล้ว การทำงานก็จะไม่ราบรื่น สหวิชาชีพจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ไร้ความรักสามัคคีในหน่วยงาน  นั่นงานเธอ  นี่งานฉัน ผลเสียหายจะตกอยู่กับผู้รับบริการ กระทรวงสาธารณสุขต้องการเช่นนั้นหรือ ?

ฉันก็เป็นพยาบาลชุมชนคนหนึ่ง ทำงาน 16 ชั่วโมงตรวจรักษาแทนแพทย์ จ่ายยาแทนเภสัช ตรวจชันสูตรแทนห้องlab เวลาโทรรายงานก็ไม่ขึ้นมาดู บางครั้งติดต่อไม่ได้แล้วความยุติธรรมอยู่ที่ไหน ผู้ใหญ่เคยมาดูแลบ้างไหม ใครไม่มาอยู่รพช.ไม่รู้หรอก ก็ไม่อยากทำหน้าที่แทนคนอื่นแต่สงสารคนไข้

ต่อไปก็ทำงานตามเงินได้เงินกมากก็ทำงมากhไม่ใช่ไดเงินมากทำงานน้อยอย่างทุกวัน

พยาบาลก็ทำงานเหมือนกัน ตลอด 24 ชมเหมือน 7 เลยค่าตอบแทนไม่สมกับที่ทำงานช่วยพิจารณาลูกนกตาดำๆหน่อยนะคะ

โอเค    ติดตามดูแล้วไม่ค่อยมีใครใช้อารมณ์ร้ายๆเท่าไหร่ 

คุณหมอ  คุณพยาบาล คุณเภสัชกร  ที่อยู่โรงพยาบาลชุมชน   และ คุณหมออนามัยทุกท่าน

ผมเห็นด้วยที่น่าจะมีการทบทวนหรือพิจารณาอีกครั้งให้มีความยุติธรรม     เสนอหรือเรียกร้องนั่นน่ะดีแล้ว    เดี๋ยวจะเงียบไปกับเกลียวคลื่นลมหนาว    สภาวิชาชีพอย่านิ่งเฉย    เพราะผู้ใหญ่ในกระทรวงอาจรออยู่ (แต่อาจทำเฉยเอามาดไว้)  อย่าให้น้องๆที่ทำงานต้องออกแรงมากเกินไป

และกลุ่มแพทย์ชนบทที่ดำเนินการเรื่องค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย     ลองอีกสักตั้ง  เพื่อให้ได้ใจเพื่อนร่วมงานที่จะช่วยงาน ผอก.ทั้งหลายให้สำเร็จลุล่วงทุกกระบวนการ   กลุ่มแพทย์ชนบทกรุณาออกแรงผสานสามัคคีร่วมกับวิชาชีพอื่นอีกครั้ง  (เป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ)   และกลุ่มวิชาชีพอื่นอย่านิ่งดูดายนะ   ไม่งั้นแย่เลย

ชมรมหัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดหนึ่งแถวอีสาน     เขาร่างค่าตอบแทนใหม่ของ  RN,  TN , EMTB,  Nurse Aid  และ  Worker  แล้ว

คิดเป็นเวร OT และ Premium     ค่าตอบแทนเวรเช้า/ บ่าย / ดึก  ไม่เท่ากัน จะลดหลั่นกันไป   เวรดึกจะได้มากกว่าทุกเวร    กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการ  (ถึงไหนแล้วก็ไม่ทราบ  แต่ได้ข่าวมาอย่างนั้น)   

พี่ๆพยาบาลไม่ลืมน้อง Nurse Aid และน้อง Worker นะคะ    เพราะเวรนอกเวลามีแต่พวกเราเท่านั้นที่อยู่เป็นทีมช่วยงานกันอยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ

เงินเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายตามกรณีปัญหา เป็นเงินที่เพิ่มให้ โดยคำนึงถึงสภาพความขาดแคลนของวิชาชีพในโรงพยาบาล โดยทางกระทรวงเห็นว่า วิชาชีพที่ขาดแคลนมากและมีแนวโน้มลาออกราชการไปทำเอกชนมาก ก็จะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงฯเพิ่ม เพื่อดึงข้าราชการกลุ่มนี้ให้อยู่รพช. โดยคำนวณจากฐานรายได้เอกชน เทียบไปด้วย (ก้อนเงินมันก็เลยมหาศาลอย่างที่เห็น) ใครยังไม่เคยอ่านลองอ่านกฎกระทรวงฉบับนี้ให้ละเอียด ซึ่งแฝงไปด้วยเจตนารมณ์ในการเพิ่มเงินเพื่อดึงวิชาชีพที่ขาดแคลน  

ดังนั้น ตามรายละเอียดและเจตนารมณ์ของการเพิ่มเบี้ยฯครั้งนี้ เป็นไปเพื่อดึงข้าราชการบุคลากรทางการแพทย์ที่ "ขาดแคลน" ไว้ในระบบ ความยากง่ายของงานที่ทำ หรือความเหนื่อยล้าจากงานที่ทำ ไม่เป็นเหตุให้มีการเพิ่มหรือลดเงินดังกล่าว

หากเห็นว่าอยากได้เงินเพิ่ม และจะทำหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวง แนะนำให้ใช้เหตุผล เรื่องภาระงานที่หนัก และสภาพเศรษฐกิจ ที่ทำให้ข้าราชการอยู่ยากขึ้น แต่ไม่อาจใช้คำว่า วิชาชีพที่ขาดแคลนสำหรับพยาบาลได้(ในยุคนี้) ดังนั้น เหตุผลในการเรียกค่าตอบแทนเพิ่ม คงไม่ใช่เหตุผลเดียวกับที่เขาเพิ่มให้แพทย์ ผลคือ หากได้เงินเพิ่มจริง จะไม่ใช่เบี้ยเลียงเหมาจ่าย แต่อาจเรียกชื่ออย่างอื่น และใช้ระเบียบคนละอย่างกับเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย

 แพทย์ ได้เพิ่ม(ตามกฎกระทรวงฉบับนี้) เพราะเขาเป็นวิชาชีพที่ขาดแคลน แพทย์ทำงานหนักหรือเบา เหนื่อยหรือไม่เหนื่อย สบายหรือไม่สบาย (กว่าพยาบาลหรือไม่) ก็ไม่เป็นเหตุให้เพิมหรือลดเงินเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวตามกฎกระทรวงฉบับนี้

พยาบาลเก่งกว่าแพทย์มีมากมายก็เห็นเปิดคลีนิคใกล้กันแพทย์คนไข้เข้าคลีนิคพยาบาลมากกว่าจริงมะ....จริงมะ......แพทย์ไม่ว่าสักคำ

ความเก่งกว่าหรือไม่เก่งกว่า เรียนยากกว่าหรือเรียนง่ายกว่า ทำงานมากกว่าหรือทำงานน้อยกว่า ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ถึงภาวะการขาดแคลนบุคลากร ตามกฎกระทรวงที่พึ่งออกมาในการจ่ายค่าเบี้ยฯ (ตามกฎกระทรวงฉบับนี้) เพิ่ม หลักเกณฑ์สำคัญที่กระทรวงคำนึงคือ "ภาวะขาดแคลนบุคลากร"

ที่สำคัญ ถ้าผมเป็นพยาบาล ผมจะไม่เลือกเคลื่อนไหวโดยค่อนแคะวิชาชีพใกล้เคียง ให้เกิดความแตกแยก แต่เลือกจะเคลื่อนไหวโดยอาศัยหลักการที่ผู้อื่นยอมรับ และเป็นที่น่านับถือ นอบน้อม เช่น อ้างเหตุ สภาพเศรษฐกิจ หรือภาระงาน แต่อย่างที่ความเห็น๔๓ ที่ผมเองเขียนไว้ คือ อาจเปลี่ยนไปเรียกชื่อเงินที่จะได้รับเป็นชื่ออื่น และใช้ระเบียบ(และเงื่อนไขใหม่) อีกต่างหากจากเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย เพราะเหตุผลในการเพิมเงินค่าตอบแทนนั้นต่างจากแพทย์

ที่สำคัญ ผมว่า อย่าไปแกะไปเกาวิชาชีพใกล้เคียงเลยครับ ขอร้องๆๆ ผมไม่ได้เป็นพยาบาล ไม่ได้เป็นแพทย์รพ.รัฐ ไม่มีส่วนได้เสีย ที่เข้ามาแสดงความเห็น เพราะอยากเห็นความเป็นผู้ใหญ่ ของบุคลากรรํฐ

ประท้วงด้วยเหตุผล มีหลักการ เป็นปัญญาชน หยุดค่อนแคะวิชาชีพอื่นได้แล้ว

"ที่เขาเรียกร้องเพื่อความยุติธรรมน่ะไม่เข้าใจก็ ไปไกลๆปะ" ดูเหมือนคุณพยาบาล จะสับสน ระหว่างคำว่า ยุติธรรม กับ คำว่า อิจฉาริษยา ตรงไปไหม? จะให้ขออภัยอีกกี่ครั้งก็ต้องกล่าวแบบนี้

คุณๆๆทั้งหลาย อย่ามัวค่อนแคะกันเลย ตั้งแต่ได้สัมผัสมา กระทรวงที่ทำงานแล้ว ขาดความชัดเจนของแต่ละวิชาชีพ มากที่สุดคือ สธ. นี้แหละ ทำงานกันแบบไม่รู้หน้าที่ใครเป็นหน้าที่ใคร แม้แต่คนทำงานก็ไม่รู้ด้วยซำไป ว่าอะไรที่เป็นหน้าที่ที่ตนเองจะต้องทำ อะไรต้องแพทย์ ทำ พยาบาลทำ จพง.สธ.ทำ < cแพทย์ก็บอกตนขาดแคลน คนไข้เยอะ ดูแลไม่ไหว คนไปอยู่ชุมชนก็มีแต่หมอจบใหม่ 1-2 ปี ขาดประสบการณ์ในการทำงาน เครียด ด่าท่อคนไข้ ทะเลาะกับพยาบาล ด่ากันไปเป็นทอดๆ หมอ รพศ. ด่ารพท. ด่า รพช. พยาบาลด่าหมอ ส่งมาทำไมแค่นี้ไม่มีปัญญาดู หมอก็ด่าพยาบาล รัฐก็ใจดีสุดๆๆสร้างโรงพยาบาลให้หมอ1 คนบริหาร ตั้งแต่บรรจุจนเกษียณ  บริหารตามใจฉันเพราะไม่มีวันเจ็ง  สั่งสมทั้งอำนาจ วาสนา บารมี เงินทอง กุมชะตาชีวิตทุกคนใน CUP บรรจุใครก็ได้ ย้ายใครก็ได้ ใครทนฉันได้ อยู่ไป ทนไม่ได้ ลาออก ย้ายหนี  แล้วก็จ่ายค่าตอบแทนไม่เท่ากันเพราะข้อมูลที่ได้รับมาไม่มีความชัดเจน แพทย์ พยาบาล จพงสธ.ทำงานทุกอย่างแทนกันมั่วไปหมด เวลาให้เขียนผลงาน บอกไม่ได้ว่าอะไรเป็นงานตน ทำพลาดก็โดนฟ้อง แพทย์รอด เพราะสภาเข้มแข็ง คนเป็นใหญ่ในกระทรวงเป็นแพทย์เยอะ กลุ่มอื่นๆ ตาย แล้วปัญหาของพวกคุณมันอยู่ตรงไหนเนี้ย  มีเรื่องที่ร้องกันเป็นยกๆ สภาพยาบาลก็ไม่เข้มแข็ง ก่อนจะให้เขาออกประกาศมาทำไมไม่มีใครรู้ ออกมาแล้วมาทะเลาะกัน มันใช่เหรอ!!!!!!