สสจ.ขอนแก่นออกระเบียบใหม่เกี่ยวกับการเบิกเงินเวรและOTว่า

จะหักค่าเวรถึง 2 ใน 3 ของค่าเวร ซึ่งไม่ยุติธรรมมาก  เช่นได้ OT 12 วัน 

ค่าเวร 20 เวร  จะโดนหักค่าเวรถึง 9 เวร ได้จริงแค่ 11 เวร เงินหายไป 2,160 บาท  ซึ่งระเบียบหัก 1 ใน 2 หรือครึ่งหนึ่งก็มากอยู่แล้ว

ทำแบบนี้ก็ขึ้นแต่เวรเช้าแล้วกัน  ให้พวก สสจ.ขอนแก่นมันมาขึ้นบ่าย ดึก เองแล้วจะรู้สึก   มีจังหวัดไหนเป็นแบบนี้มั้งครับ

ขอแก้ไขตัวเลขครับ

รพ ดิฉันหัก  3 3 3 ค่ะ แต่ที่จริง จะหักไปทำไมคะขึ้นเวรนอกเวลา ใครอยากจะขึ้นยามวิกาลแบบนี้ แถมคุณภาพชีวิตเลวร้าย  กลายเป็นมะเร็งร้าย  ก็ให้หัวหน้าลองมาขึ้นเวรดึกคืนวัน ศุกร์ เสาร์ ดูบ้างจะได้รู้สุกค่ะ บางโรง จุดโอทีเวรเช้าหมดพพื่อสวัสดิการ

ของโรงพยาบาลเรา สมมุติว่าขึนเวรบ่ายดึก12 เวร มี โอที5 เวรจะเบิกดังนี้คือตัดเวรออก 5 เวร  เหลือ7 เวร นำ 7 มาคิด 240 / เวร ที่เหลือ คือ 5เวร คูณ 600 คิดอย่างนี้ตั้งแต่ ค่าเวร และโอทียังไม่ขึ้นเลย เป็นมานานแล้ว

รพ. เราก็เหมือนความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเดินไหนโอที 15 บ่ายดึก 20 บางที คิดค่าเวรแค่2 เวรก็มี...ตามตารางเวร

เป็นกันหมดมังเนี๊ยะตามระเบียบ

อืม...

ที่รพ.ใช้แบบนี้ค่ะ OTกี่เวรก้อให้ดูว่าตามระบบปกติควรขึ้นเวรล็อคละกี่  เวรถ้าขึ้นเกินล็อค  ก้อถือว่าเวรนั้นเป็นOT และถ้าขึ้นแทนผู้ลา ก้อถือเป็น OT โดยไม่ต้องดูว่า บ่ายหรือดึก และถ้ากำหนดเวรOT ครบแล้วก้อนับบ่ายดึกเป็นค่าเวรเลย น้องๆก้อจะได้ค่าบ่าย ดึกประมาณเดือนละ ไม่ต่ำกว่า10 - 14 เวร ยกตัวอย่างนะ

บบชชดด00บบชชดดด0 จากตัวอย่างเวรดึกที่ขีดเส้นคือ OT เป็นต้น  แต่ทั้งนี้อยากให้มองว่าการระบุเวรเช้าอย่างเดียวเป็น OT แล้วถือว่าเป็นการให้สวัสดิการนั้นบางครั้งสถานการณ์การเงินโรงพยาบาลอาจไม่เอื้อให้ ดังนั้นผู้บริหารต้องพิจารณาด้วย

รพ.ที่อยู่นะคะ คิด1 ใน 3คือเวรเช้า เวรบ่าย เวรดึกมีโอกาสเป็นโอทีเท่ากัน ถ้าเดือนนั้นมีโอที6 เวรจะเป็นเวรโอทีที่เป็นเวรเช้า 2 เวรบ่าย 2 เวรดึก 2 ค่ะ

พวกคุณอย่าลืมว่าเงินค่ามีแต่เฉพาะของพยาบาลเท่านั้นที่ได้ แล้วทำไมจำเพาะต้องมาหักแต่ค่าเวรของพยาบาล แล้วสหสาขาวิชาชีพอื่นทำไมไม่กล้าแตะ มันเป็นสิทธิ์ที่พึงได้ไม่ใช่เหรอ  ในระเบียบหรือกฎกระทรวงก็ไม่ได้ระบุว่าต้องหักเท่าไหร่  มีแต่พวกเรานี่แหละที่เสนอตัวให้เค้าหักเอง   ( แค่สิทธิ์แค่นี้ยังรักษาไว้ไม่ได้จะไปเรียกร้องอะไรได้ อนาถ )

ปล.ใช่สิค่ะก็พวกหัวหน้าตึกไม่มีค่าเวรก็เลยไม่เดือดร้อนอะไร วันๆมีแต่เรียกร้องจะเอาซี8  แต่ไม่ดูว่าลูกน้องจะไม่มีกินแล้ว

อืม....

ยังไม่ได้รับรายงาน...

จนก้อจน อยู่เวรบ่ายดึก ผัวก้อไปมีเมียน้อย ลูกก้อต้องเลี้ยง  จะรังแกกันไปถึงไหน  555

บ่ายดึก ต้องตรวจผู้ป่วยแทนแพทย์  ผู้ป่วยยังมาด่า  ทั้งๆที่เป็นงานบริการผู้ป่วยโดยตรง ยังมาหัก เงินบ่าย ดึกอีก   ที่หลังก็ให้ พวกเวรเช้าทำงานมาขึ้นบ่ายดึกแทน

มีงี้ด้วยหรือ

ไม่เคยรู้มาก่อน

ถ้าทำงานนอกเวลาก็ต้องได้เงินเพิ่มตามงาน

ซึ่งไม่ควรมีระเบียบบ้าบอนั่นมาบังคับ

ซึ่งไม่ควรหักของคนทำงานแม้แต่สตางค์แดงเดียว

ทนอยุ่ให้เค้าหักเงินกันอยู่ได้

คนนะไม่ใช่ข้าทาส

ควรหาทางยกเลิกคำสั่ง/ระเบียบทุเรศๆนั่นได้แล้ว

ประเทศชาติจะได้เจริญ คนทำงานจะได้มีขัญกำลังใจ

ไอ้พวกที่มียศมีหัวนำหน้ามันไม่เคยอบรม ภาวะผู้นำกันมารึไง

ไม่มีความรู้สึกจะทำสิ่งดีๆให้ลูกน้องบ้างรุ

หรือเพราะเป็นใหญ่เป็นโตได้ดิบได้ดี

ไม่นึกถึงตอนลำบาก/รึว่าไม่เคยลำบาก

เรื่องค่าเวรบ่ายดึกกับ OT  เป็นแบบนี้ค่ะ ที่ต้องกำหนดแบบนี้เพราะมี สตง.หลายจังหวัดให้คำชี้แนะว่าการกำหนดเวร OT ตามความเป็นจริงแล้วไม่ควรเป็นเวรเช้าอย่างเดียว  ควรมีการกระจายเป็น เช้า  บ่าย  ดึก เท่าๆกัน  เนื่องจาก เช้า  บ่าย  ดึก  นั้น ถือเป็นวันทำการของพยาบาลเวรผลัด 8 ชม.  ดังนั้นหลายๆที่จึงจัดให้เปฌนธรรมกับคนขึ้นเวรและเหมาะสมเมื่อมีการตรวจสอบ จึงจัดเป็น  1:1:1  เช่น OT  9 เวร  จะกำหนดเป็น ช:บ:ด  = 3:3:3    ถ้าขึ้นบ่าย/ดึก  20  เวร  ก็จะโดนหัก  6  เวรค่ะ  จังหวัดอื่นหักมานานาแล้ว  ดีนะคะขอนแก่นเพิ่งโดน  ทำใจเถอะค่าเพื่อความเหมาะสม ไม่ส่อแววใดๆให้ผู้ตรวจสงสัยหรือตำหนิ   แต่ถ้าโดนหักแบบไม่มีเกณฑ์เหมือนางจังหวัดก็น่าจะขอทบทวนนะคะ

ขอระเบียบที่ว่าด้วยค่ะท่านหัวหน้าตึก  เพราะไปศึกษากฎกระทรวงสาธารณสุขแล้วไม่พบว่าต้องระบุเป็น1:1:1  และปรึกษาทนายแล้วว่าไม่เหมาะสม  ถ้าดึงดันจะหักต่อไปพวกเราจะรวมตัวไปฟ้องศาลปกครอง   แค่ OT 3-4 วันยังมาหักค่าเวร  โคตรโง่เลย  พวกหัวหน้านี้นี่พูดเอาดีเข้าตัวจริงๆ  ( ขนาดโรงพยาบาลศูนย์เค้ายังแทบไม่หักค่าเวรเลย )

เพราะพวกหน้าตึกแบบความเห็นที่12 กับ 13  นี่แหละที่ทำให้วิชาชีพพยาบาลตกต่ำ  ยอมเป็นเบี้ยล่างอาชีพอื่นทั่วไป 

( แต่ก่อนคนไข้แค่เวรละไม่เกิน 10 คน  เดี่ยวนี้ คนไข้ 100 รายขึ้น

โรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่นเหมือนกัน สสจ.เขาไม่ได้รังแกเราหรอกคะ เพราะที่โรงพยาบาลใช้หลักการเหมือนกับความเห็นที่ 12 คะและใช้มานานแล้ว เพราะมีแนวทางให้ทำอย่างนั้นมาเกือบ 10 ปีแล้ว สงสัยโรงพยาบาลความเห็นที่ 1 ไม่ได้ปฏิบัติมาก่อน

ขอแนวทางที่ว่าด้วยค่ะ ( ขอ link ก็ได้ ) เอาที่กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศนะค่ะ  ไม่เอาของสสจ.แต่ละจังหวัดนะเพราะปฎิบัติไม่เหมือนกันกันค่ะ เพราะต่างคนต่างอ้างแนวทางต่าง ๆ แต่ถามจริง ๆ เคยเห็นกฎระเบียบที่เป็นลายลักษณ์อักษรจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่ทราบ  (จะได้จบไม่ต้องมาเถียงกันอีก)

หรือว่าไม่ต้องขึ้นบ่าย-ดึก จะได้ไม่มีค่าเวรจริงไหมค่ะ 

ของเราหัก บ/ด เป็นโอทีหมดเลย ไม่หักเช้าเลย เช่นถ้ามี บ/ด 20 เวรในเดือน แล้วมีโอที 5 โอก็เอา20-5 เหลือเวรอยู่15 เวรน่ะ  มันยากมากที่จะหักเช้าหัวหน้าตึกบอกคำเดียวว่าถ้าให้โอทีเป็นเวรเช้ากลัวโดนผอ.ด่า555  ไม่มีทางจะเป็น 1:1:1  หรือ 3:3:3 อย่างบางที่เค้าทำกันหรอก เหออเพราะอะไรรู้มั้ยเพราะว่าเค้าsaveเงินไว้ให้ท่านแพทย์ทั้งหลายค่ะ

 เป็นพยาบาลอาวุโสคนหนึ่งที่เริ่มทำงานตั้งแต่เงินเดือน  2,205  บาท  ไม่มี  OT  ไม่เงินค่าเวร  ไม่มีเบี้ยเลี้ยง  แต่ทำเพราะรักวิชาชีพ  ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าตึก  และหัวต่างๆ  เงินมันสำคัญจริงนะ  แต่อย่าให้มันซื้อความเป็นพยาบาลของเราไป  บางอย่างที่เขาทำเหมือนกันค่อนประเทศ  ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมเขาถึงทำ  เคยขึ้นเวรมาเหมือนกัน  เคยลำบากเหมือนกัน  แต่เห็นว่าการขึ้นเวรบ่าย/ดึก ของพยาบาลเวรผลัด  เป็นเวลาราชการปรกติของเรา  จึงเห็นด้วย กับความเห็นที่  12,13,15,20 จ้า

ไม่สงสัยเลยว่าทำไมครูถึงขึ้นระดับชำนาญการพิเศษได้ทุกคนโดยไหลลื่นทำผลงานประเมินได้  แต่พยาบาลทำไมไม่ได้เพราะเราไม่รักกัน  ไม่รักษาสิทธิอันพึงได้  ความรักในวิชาชีพก็มีกันทุกคนแต่ปากท้องก็สำคัญ  กระทรวงเค้าก็เปิดทางให้พยาบาลแล้วในการเบิกค่าเวรแต่เราก็โง่เองคิดไปว่าบ่าย-ดึกเป็นวันทำการปกติจึงไม่เบิกค่าเวร  ซึ่งตามหลักสากลทั่วโลกเวลาทำการคือ 8.30 -16.30 น. นะค่ะ

ขอร้องค่ะเงินค่าเวรแค่ไม่กี่ร้อย กี่พันบาทเบิกให้เราเป็นค่ารักษาโรคมะเร็งในอนาคต หรือ รักษาโรคเครียด หรือเอาไว้เลี้ยงดูตัวเองยามแก่เฒ่าเพราะผัวทิ้ง จะไม่ได้บ้างเลยหรือค่ะ

อยากให้พยาบาลแต่ละโรงพยาบาลทำความเข้าใจกันคะ  พูดคุยกันในกลุ่มการพยาบาล  เพราะนโยบายที่ออกมาเป็นของ สสจ.ขอนแก่น ซึ่งดิฉันได้เรียนประธานพยาบาลโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดขอนแก่นแล้วจะได้ประชุมกันอีกที  เพื่อจะนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนของจังหวัดขอนแก่นต่อไป

ไม่เคยเห็นระเบียบที่ไหนเขาระบุหรอกว่า   ต้องเฉลี่ยหรือกระจายการหัก OTของพยาบาล  จากเช้า - บ่าย - ดึก

ขึ้นเวรตอนกลางคืนเป็นกะก็จริง   แต่ค่าเวรกลางคืนเขาให้จ่ายทุกครั้งที่การขึ้นเวรเป็นช่วงเวลากลางคืน  เพราะเป็นค่าเสื่อมสุขภาพที่การทำงานผิดแผกหรือแตกต่างจากการดำรงชีวิตปกติของบุคคลทั่วไป  (ค่าเสื่อมสุขภาพน้อยขนาดนี้ยังถูกริดรอนสิทธิ    ยังไงกันนะ)

มีแต่แนวคิดการประหยัดเงินของโรงพยาบาลเท่านั้นเอง    ที่ให้กระจายการคิด OT กับเวรบ่ายดึก  

แล้วใครหรือคณะไหนล่ะเป็นคนออกระเบียบ    ออกตั้งแต่เมื่อไหร่     หรือขอระเบียบชัดๆหน่อยเถอะ   

จะได้ชัดเจนซะทีว่ามีความเป็นมาอย่างไร   เอามาลงในกระทู้นี้เลย    จะได้มีความเข้าใจที่ตรงกันและปฏิบัติเหมือนกัน    

ไม่ต้องกลัวใครมาว่ามาสอบสวนหรือกลัวอะไรที่ลมๆแล้งๆ

สิทธิ์ที่พึงมีพึงได้จากน้ำพักน้ำแรงการทำงาน   ทำไมไม่จ่ายแบบตรงไปตรงมา

หรือให้เหตุผลที่แท้จริงหน่อยว่าทำไมจึงทำเช่นนี้     เพราะเหตุใด

โปร่งใส   ตรวจสอบได้   แค่นี้เอง   ทำให้ได้เถอะนะ   จะOKที่สุดเลย    ได้ใจไปเลย   

ที่ผ่านมาเป็นยังไงก็ไม่ว่ากัน    แล้วก็แล้วกันไป       แต่นี้ต่อไป   ขอให้โปร่งใส  ตรวจสอบได้หน่อยเถอะ  

เอาระเบียบที่ว่านี้มาแสดงและเอาใจเป็นเดิมพัน    วัดกันที่ใจไปเลย

ค่า ล่วงเวลา กับ ค่าขึ้นเวรนอกเวลา ยามวิกาล ทันต่างกันนะคะ เงินแค่น้อยนิด มีแต่พยาบาลเท่านั้นค่ะที่ได้ค่าเวรบ่ายดึก ถ้าอย่างงั้น รวมตัวกันร้องขอค่าเวร โดยที่ไม่ต้องหักค่าบ่ายดึกกันดีไหมคะ ให้ กระทรวงการคลังพิจารณา กันค่ะ รวมตัวกันอีกครั้ง นะคะ

เห็นด้วยกับความเห็นที่ 25 และคิดว่าถ้าเบิก OTเป็นเวรเช้าหมดก็คงไม่เพิ่มเงินมากเท่าไร  เทียบกับกันดารแพทย์คะ

มีคัยมีหลักการวงโอทีมั้ยคะ คือว่ารพ.หนูน่ะ ไม่ขอระบุชื่อนะ หนูขึ้นเวร 36 เวร ได้โอที 16 เวรแต่บ่ายดึก ได้แค่ 1 เวร สงสารตัวเองมากๆเลย เอาเปรียบกันเกินไปรึป่ายคะทั้งๆ ที่บ่ายดึกจิงๆ ขึ้นตั้ง 16 เวรแนะ

ก้อเพราะระบบพยาบาลไทยเป็นอย่างนี้ไงตะ  จึงเกิดภาวะสมองไหล  มีของดีอยู่ทีตัวอยู่แล้วไม่ยอมเก็บไว้ ทำไมพยาบาลจะไม่อยากทำงานเพื่อประชาชน แต่ถ้าเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เงินที่ได้มาจากหน่วยงาน เหมือนให้สำหรับคนที่เหมือนไม่มีทางไปอะไรอย่างนี้เก็หมือนการทำนาบนหลังคนดีๆ นี่แหละค่ะ ทำไมประเทศอื่นเค้าถึงให้ความสำคัญกับบุคคลากรทางการแพทย์ก็เพราะเค้าทำงานเพื่อสังคม เพื่อเพื่อนมนุษย์ การที่มีคนตายหรือพิการไป 1 คน นั่นหมายถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศชาติเมื่อคิดถึงค่าความสามารถของบุคคล สิ่งที่เราเหล่าพยาบาลต้องการสื่อให้ไม่ว่าจะ สสจ กระทรวงสาธารณะสุข หรือใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รับทราบ นั่นคือเราต้องการสื่อให้ทุกหน่วยได้รับทราบถึงความทุกข์และการต้องการแสดงความคิดเห็นเรียกร้องความเป็นธรรม ไม่ใช่เป็นประโยคที่เขียนมาเพื่อระบายความรู้สึกและปล่อยให้มันลอยไปตามสายลม  แต่อยากให้ลองคิดพิจารณาถ้าไม่มีพยาบาลที่เป็นราชการหรือทำงานในหน่วยราชการทุกภาคส่วน หรือต่อให้มีแต่ไม่เพียงพอ พยาบาลเหล่านั้นเค้าก้อยังคงทำหน้าที่ของเค้าต่อไปตามอัตภาพ คงจะทำให้ระบบสาธารณะสุขของภาครัฐพัฒนาล่าช้า ประชาชนคนไทยมีรายได้เฉลี่ยน้อยอยู่แล้วต้องใช้สิทธิการรักษาตามที่รัฐจัดให้ ต้องไปนั่งรอตั้งแต่ตีสี่ตีห้าเพื่อเข้าคิวตรวจ เหนื่อยทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ กลายเป็นภาพที่ผู้ให้บริการทุกฝ่ายต่างมีความเครียดและให้บริการด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย  แล้วเราในฐานะผู้ให้บริการด้านสุขภาพเรียนเหนื่อยทำงานเหนื่อยแทนที่จะมีความรู้สึกภูมิใจสุขใจที่ได้ทำงานเพื่อสังคม  แต่ปริมาณงานที่มากเกินทั้งด้านการบริการผู้ป่วย ด้านเอกสาร ด้านการบริหาร การพัฒนาองค์กรณ์ การเผยแพร่ความรู้สู่สังคม มันมากเกินความสามารถของพยาบาลที่จะทำให้ได้สมบูรณ์แบบทั้งหมด ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่มีระบบงานเป็นขั้นเป็นตอน มีสวัสดิการที่บางที่ดีกว่าของรัฐบาล ผู้รับบริการก็มีปริมาณที่ไม่หนักเกินไป และที่สำคัญมีค่าตอบแทนที่ให้เหมือนกับรัฐบาลแต่มีปริมาณและค่าต่างๆ มากกว่า คุ้มกับการเรียนและการทำงานที่หนัก แล้วยังมีพยาบาลอีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มองแค่การทำงานในเมืองไทย  การไปทำงานต่างประเทศทั้งในอเมริกา และฝั่งยุโรปทำให้มีรายได้ที่สามารถส่งให้ครอบครัวที่เมืองไทยอยู่ได้อย่างไม่ขัดสน เพราะพื้นฐานคนไทยเรื่องความกตัญญูถือเป็นเรื่องสำคัญ ทำอย่างไรก็ได้ให้สิ่งที่เราได้เรียนได้จบมาสามารถมีรายได้ดูแลคนที่เรารักได้ไม่ขัดสน นั่นแปลว่าเรากำลังสูญเสียบุคคลผู้มีความสามารถในการพัฒนาด้านสุขภาพอนามัยของทางภาครัฐไปอีกหลายเปอร์เซนต์  ไม่ว่าเมืองไทยจะผลิตพยาบาลที่มีคุณภาพที่ดีจากหลายสถาบันแค่ไหน  แต่ก็ยังตอบสนองต่อความต้องการแรงงานของภาครัฐไม่พออยู่ดี  ตรงจุดนี้เราควรจะคิดแล้วว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร  และต้องมีมาตรการใดมารองรับตรงจุดนี้  อนาคตข้างหน้าคนจะให้ความสำคัญกับการหันมาดูแลสุขภาพ ความงามและชลอความแก่ ทำให้ตลาดของแรงงานด้านสาธารณสุขมีความต้องการสูงขึ้นอีก  ตรงนี้ต้องฝากผู้ที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบในส่วนของรายได้และสวัสดิการพยาบาลมองที่จุดนี้  และร่วมกันคิดหาวิธีการที่จะมารองรับปัญหา เพราะเราพยาบาลถูกสอนให้ทำงานบริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนด้วยจรรยาบรรณที่ดีเคารพในสิทธิผู้ป่วย และเราก็อยากจะให้ประชาชนจดจำภาพพยาบาลในเชิงบวกอย่างที่ควรจะเป็นอย่างนั้น ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่สละเวลาอ่านบทความนี้และคิดตาม  เรายินดีรับฟังทุกความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพราะนั่นหมายถึงท่านกรุณาให้ความสนใจในปัญหาและความคิดเห็นของเรา ขอบคุณค่ะ

ถ้าพูดถึงค่าตอบแทน พยาบาลที่ปฏิบัติงานในสถานีอนามัย PCU น่าเห็นใจกว่านี้เยอะ แต่เรายังมีความสุขเพราะเราไม่เอาตนไปเปรียบกับคนอื่น