ประท้วงโดยการหยุดงานซะ  สัก 2-3 วันก้อพอ 

คิดว่าหมอคงปวดหัวน่าดูแล้วหล่ะ 

คนไข้ก้อช่างเค้า  ไม่ขึ้นเงินให้ก้อไม่ทำงาน

....... ตายแน่ๆ  แต่ไม่รู้ว่าใครตายนะ

หยุดไปเลย จะได้โดนไล่ออก

ไปขายเต้าฮวยดีกว่ามั้ง ไม่ต้องเรื่องมาก

เมื่อรู้ว่าได้เงินน้อย งานหนัก

แล้วมาเรียนกันทำไมอะ

ไม่ไปสอบวิชาชีพอื่นที่ดีกว่าอะ

หรือว่าไม่มีที่ไป

แล้วมาบ่นกันทำไมอะฮะ

พวกเราไม่ได้เห็นแก่เงินนะค่ะคุณชาวบ้าน คุณคนไข้30บาท และคุณคนไข้บัตรทองแต่พวกเราต้องการเรียกร้องสิทธิ์ของพวกเราบ้างเท่านั้นเองเราเคยดำเนินการขอยื่นเรื่องมานานแล้วแต่ไม่เห็นมีใครแก้ไขให้เราได้ ครั้งแต่เราจึงต้องเรียกร้องเพื่อให้มีอะไรที่ดีขึ้นมาบ้าง ถ้าพวกเรามีสวัสดิการที่ดี พวกเราก็จะได้ดูแลพวกคุณได้ดี อย่างดิฉันเป็นแค่พยาบาลลูกจ้างชั่วคราวไม่เห็นแววที่จะบรรจุสวัสดิการไม่มีอะไรเลย ยังใช้สิทธ์ประกันสังคมต้องจ่ายค่าประกันเดือนหนึ่งมากกว่า500บาท เท่ากับเราทำงาน1เวรเชียว รอมามากกว่า3ปีไม่บรรจุซักที อนาคตก็มองไม่เห็นว่าจะเป็นเช่นไร ใจก็อยากออกไปอยู่ในที่มันมีอนาคตที่ชัดเจนกว่านี้ แต่ก็ต้องเห็นแก่คนไข้ที่อยู่ในชนบทขาดแคลนทั้งหมอ ทั้งพยาบาลและเจ้าหน้าที่อื่นๆ คุณอาจจะไม่เห็นค่าหรือความสำคัญของพวกเราเลยก็ตาม และอยากจะบอกว่าที่ไปมันมีออกเยอะแยะไปรพ.เอกชนหรือหน่วยงานอื่นๆมีมากมาย แต่พวกเรารักในอาชีพและต้องการช่วยเหลือคนไข้ของเราเพราะการอยู่ตรงนี้ช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสได้มากมาย และการที่เราไปชุมนุมกันดิฉันก็ไม่เห็นว่าจะทำให้ใครเดื่อดร้อนเลยซักนิดไม่มีใครเบียดเบียนเวลาราชการไปเขาก็ลากันและเเลกเวรกันไปทั้งนั้น ดิฉันเสียใจที่เราให้ใจกับการทำงานให้กับพวกคุณแต่คุณคิดกับเราอย่างนี้หรือค่ะ แล้วถ้าคุณทำงานแล้วไม่ได้เงินเดือนและต้องเสี่ยงกับโรคต่างๆมากมายเช็ดล้างอาเจียน อุจจาระปัสสาวะคนอื่นคุณทำได้ไหมค่ะหรือไม่คุณลองมาเป็นพยาบาลดูสัก1-2วันดีไหมค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าคนไข้ของเราคงไม่คิดแบบพวกคุณ3คนข้างบนนี้แน่ๆ จริงไหมค่ะถ้าการแสดงความคิดเห็นแล้วทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีต่อตัวคุณ มันทำให้คุณมีความสุขก็ทำไปเถอะค่ะ

รู้สึกว่าคนไข้ทั้ง3คน นี้มันเกี่ยวข้องกันพิกล ไม่ค่อยเนียนเลย เวลาก็ใกล้เคียงกัน ครั้งหน้าต้องไปส่งหลายเครื่องน่ะและใช้นามแฝงให้ต่างกันหน่อยก็ดี

ชื่นชมทุกท่านที่ต่อสู้เพื่อวิชาชีพ และช่วยลดความเหลื่อมลำของวิชาชีพ สาธารณสุขค่ะ

ผมทำงานสาธารณสุขในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับเบี้ยเหมาจ่ายนะครับ

ผมเห็นข่าวการชุมนุมครั้งนี้แล้วผมรู้สึกว่าถึงคนจะเยอะแต่มีกฏเกณฑ์  ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและไม่กระทบคนไข้นะครับเพราะมีการส่งตัวแทนเข้ามายื่นหนังสือ (ผมดูจากข่าวนะ  ไม่เห็นมีข่าว รพ.ไหนหยุดให้บริการแล้วคนไข้เดือดร้อนเลย)  ผมว่าคุณความเห็นที่ 1 , 2 , 3 อย่ามาแอบอ้างเลยครับ  อีกอย่างคือพยาบาลเค้าเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของเขา  เขาไม่ได้ไปเรียกร้องให้งดจ่ายเงินตัวนี้กับกลุ่มที่ประกาศให้ได้รับไปแล้วนะครับ  อย่าร้อนตัวเลย

ถึง คห.3 คุณ ก็คือ 1 คนที่รับบริการจาก จนท.พยาบาลวิชาชีพ สิ่งที่พวกเราทำไม่ใช่เพื่อตัวเรา เราทำเพื่อหน้าที่ จรรยาบรรณในวิชีพ การที่เราเรียกร้องก็เพื่อสิทธิ และสิ่งที่เราพึงได้จากปัจจุบันที่ไม่มีอะไรรองรับเราอยู่ และเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพ เราทำไม่ได้เดือดร้อนใคร ในแต่ลัวะน รพ.รัฐ ต้องรับคนไข้บัตรทองเท่าไหร่ คนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเข้าใจแพทย์และพยาบาล ในขณะที่บางคนก็ไม่เข้าใจในอาชีพของพวกเรา พวกคุณ ยังมีการใช้บัตรทองที่ปัจจุบันไม่ต้องเสียเงิน ไม่งั้นก็ลองกลับไปใช้แบบเก่าดิ เอาแบบว่าเสียเงิน แล้วคุณยังจะเรียกร้องให้ใช้เหมือนเดิมไหม กรุณาอย่ามาสร้างความร้าวฉานให้กับพวกเรา

ขอบคุณพยาบาลทุกท่านที่ไปเป็นตัวแทนในการเรียกร้อง

แล้วพวกเราชาวพยาบาลทุกคนจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันไป จนกว่าความเป็นธรรมจะบังเกิด เป็นกำลังใจให้พยาบาล สู้ สู้

เรารู้สึกภูมิใจและรักในวิชาชีพมากขึ้นเมื่อเห็นพยาบาลลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของวิชาชีพพยาบาลเราและต่อไปนี้เราจะไม่ยอมให้ใครดูถูกเราได้อีก ไม่ว่าจะเป็นคนไข้บัตรทองที่ไม่กล้าแสดงตัวว่าตัวจริงเป็นใคร (อ่านแล้วรู้สึกสงสารอุตส่าห์ใช้นามแฝงแต่เขารู้ทันหมด กลัวตัวเองไม่ได้แล้วก็อย่าเอาคนไข้ที่เขาไม่รู้เรื่องมาแอบบอ้างเลย )

เป็นกำลังใจให้พี่น้องร่วมวิชาชีพพยาบาลทุกท่าน

สิ่งที่ท่านได้แสดงออก มันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลย

จงมั่นใจ..และภูมิ ใจในสิ่งที่ได้ทำ..ว่าดีและถูกต้องที่สุดแล้ว 

สู้ๆๆๆค่ะ

ขอขอบคุณตัวแทนทุกๆท่านที่เสียสละเพื่อเหล่าพยาบาลอีกมากมายพวกคุณคือผู้กล้าคะ

คุณ คห1,2,3 คะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย คู่กับพยาบาลนะคะ ขอร้องว่าอย่าดูถูก ถ้าไม่มีผู้เสียสละอย่างพวกเราแล้วคุณจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าคุณจะเป็นใครแต่ถ้าตราบใดที่คุณเป็นถือสัญชาติมนุษย์อยู่คุณก้อต้องได้เจอกับเราสักวันและถ้าไม่มีคนอย่างพวกเราคุณจะทำอย่างไร...ลองทบทวนดู

สู้ๆๆๆๆๆเพื่ออนาคตของพวกเราขอเปนกำลังจายให้พยาบาลทุกท่านค่ะ

อ้อไอ้ที่ว่าไปขายเต้าฮวยดีกว่านะก็เปนความคิดที่ดีนะขายเต้าหวยไม่ดีตรงไหนไม่ได้ไปป้นใครกินนี่หว่า

สู้เพื่อศักดิ์ศรี มันผิดตรงไหน หรือเป็นพยาบาลแล้วไม่มีครอบครัว ไม่มีปากไม่ต้องกิน ? ต้องเสียสละอย่างเดียว?

สู้เพื่อศักดิ์ศรี มันผิดตรงไหน หรือเป็นพยาบาลแล้วไม่มีครอบครัว ไม่มีปากไม่ต้องกิน ? ต้องเสียสละอย่างเดียว?

พยาบาลต้องทำงานหนัก  เหนื่อย  แล้วเราเรียกร้องให้ใกล้เคียงหรือเหมาะสมไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ  เพราะเราก็คือส่วนหนึ่งของทีมสุขภาพด้านการแพทย์ (เปรียบเสมือนแขน ขา ถ้าไม่มีเรางานโรงพยาบาลจะมี  HA และตัวอื่นๆเกิดได้หรือ) จากการที่พยาบาลต้องเสียสละทุกอย่าง  เวลา   ชีวิต  ครอบครัว  และเผชิญปัญหาการฟ้องร้องกับสิทธิอีก  แค่นี้ขวัญกำลังใจก็หายหมดแล้ว 

เราต้องเรียกร้อง

ไม่ใช้เราไม่มีที่ไป  จึงเรียนพยาบาล  และต้องเผชิญกับปัญหาแย่ๆ  การไม่เห็นคุณค่า  แต่เราเสียสละที่มาอยู่ตรงนี้  ส่วนหนึ่งต้องการมีงานทำ  มีรายได้  และทำเพื่อครอบครัว เลี้ยงและพึ่งตนเองด้วยอาชีพสุจริต 

ขอบคุณอาจารย์ที่ทำให้ผม รักวิชาชีพนี้

ก่อนหน้านั้นก็เคยคิดเหมือนกันว่า  ผมมาเรียนทำไม ไม่ได้เจอสิ่งที่สวยๆงามๆเลย เหนื่อยก็เหนื่อย

แต่พอมาเห้นคนไข้ชาวบ้านแล้ว  เราดูแลเขา ตรวจเขาแล้วเขาหาย  เราก็มีความสุข  วันนี้ผมดีใจมากที่ได้เรียนในวิชาชีพนี้  รักมันมาก  ผู้ป่วยบางคนบอกว่าผมเป็นแพทยื  ผมบอกด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็น พยาบาล  ผมดีใจมาก  และผมจะเป้นพยาบาลต่อไป  สู้ๆๆสู้ตาย เพื่อคนไข้

คนที่มาเป็นพยาบาลนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีที่ไปหรือสอบอะไรไม่ได้นะคะแต่อยากบอกว่าคนที่สอบได้และเรียนจบนั้นเป็นคนที่มีความสามารถ  มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม+จริยธรรมมากๆ  บางคนนั้นเป็นเพียง 1  คนในอำเภอหรือตำบลของตัวเองที่สอบได้ อยากบอกว่าการจะได้เป็นพยาบาลไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใครบางคนให้ความเห็น แต่ต้องผ่านด่านการแข่งขันกับคนเก่งๆอีกมากค่ะ

ผมเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลบางครั้งก็รู้สึกไม่ดีบ้างแต่ก็เข้าใจนะครับว่าการที่เราจะทำให้ถูกใจคนไข้ทุกคนเป็นไปไม่ได้หรอกความคิดเห็นที่1  2 3การที่พยาบาลเขาเรียกร้องสิทธิ์ของเขาก็เป็นสิทธิ์ของเขาการที่คุณได้รับการรักษาไม่ดีหรือรู้สึกไม่ดีกับพยาบาลขอแนะนำคุณก็ไปเรียกร้องตามสิทธิ์ของคุณสำหรับพยาบาลขอเป็นกำลังใจให้นะครับสู้ต่อไปสู้จนกว่าจะได้รับสิทธิ์นั้นมาคนทำงานก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย

ดิฉันเลือกเรียนพยาบาลทั้งๆที่ Ent  ติด และสอบติดหลายที่ เรียนวิทย์ เหมือนวิชาชีพสำคัญทางสาธารณสุข เพราะเห็นว่าเป็นวิชาชีพที่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ได้ทำในสิ่งที่ดีๆมีศักดิ์ศรี แล้วทำไม ถึงไม่ได้รับความเป็นธรรม จากวิชาชีพอื่นที่ช่วยกันดูแลผู้ป่วยเหมือนกัน เสี่ยงกับโรคร้ายและภัยต่างๆเท่ากัน เราเรียกร้องในสิ่งที่ควรจะเสมอภาคทางวิชาชีพ ขอขอบคุณความเห็นที่ 27 ที่เห็นใจพวกเราค่ะ

เป็นกำลังใจให้พี่พยาบาลทุกคนนะครับ แม้บางครั้งการแสดงความคิดเห็นของ คนอื่น เช่น แพทย์ เภสัชกร  ที่มีความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างจากเราบ้าง แม้บางครั้งเองพยาบาลเองยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ผมเสนนะครับด้วยความเคารพเราพยายามให้อภัยเขานะครับ เพราะความคิดเห็นของเขาบางครั้งก็เป็นตัวที่ทำให้เราได้หยุดคิดได้มีโอกาสได้ใช้ความคิดนะครับ

และอีกของความของท่าบ พุทธธาตุที่บอกว่า ให้อภัยเขาเถิด เขาก็เป็นมนุษย์ผู้มีกิเลสเหมือนเรานนี่แหละ

                เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคม 2552 ได้ไปพร้อมกับพี่บุญศรี เข้าร่วมประชุมคณะทำงานพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนทางสาธารณสุข โดยมีนายแพทย์สุพรรณ  ศรีธรรมา เป็นประธาน วัตถุประสงค์ของการประชุม  เพื่อหาข้อเสนอหลายๆแบบ เพื่อเสนอให้กรรมการนโยบาย ตัดสินใจ  โดยอยู่ในหลักการ  ให้ทุกคนมีส่วนได้           เพื่อความสมดุลในการบริการ  (ไม่สร้างความแตกแยกในองค์กร)

                โจทย์ที่ได้รับคือ

                1. หลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฉบับใหม่ ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 มีผลบังคับใช้    1  ธันวาคม 2551  จะต้องใช้เงินทั้งหมด 1,726 ล้านกว่าๆ  ซึ่งระเบียบนี้ ได้ผ่านมติ ครม. แล้วโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ จนท. สายบริการ ให้อยู่ทน อยู่นาน หรือเพื่อชดเชยค่าเสียโอกาส  (เช่น รับ job เอกชนยาก  ส่งลูกเรียนไกลๆ) 

                2.  สปสช.  เสนอของบ ปี 2553 เพิ่มเติมรายหัว ๆละ 500-600 บาท ก็จะได้เงินเพิ่ม  1,500 – 2,000 ล้านบาท จะนำมาใช้เป็นค่าตอบแทนเพิ่มให้เจ้าหน้าที่

                ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผิดมติ ครม. หรือ สตง. อาจจะทักท้วง เรียกเงินคืน จึงขอให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์(ข้อ 1) ไปก่อน

                ตามหลักเกณฑ์(ข้อ 1) จะได้รับค่าตอบแทนพิเศษ เฉพาะ 4 สายงาน คือ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลวิชาชีพ และได้เฉพาะ รพช. พยาบาลจะได้เฉพาะ รพช. ระดับ 2.1 และ  2.2 เท่านั้น  ใน พื้นที่ปกติ ไม่ได้   จะเห็นได้ว่า

1.       ไม่ทุกวิชาชีพ ที่ได้รับเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย

2.       ไม่ทุกพื้นที่ หรือ ไม่ทุกสถานบริการ ที่ได้รับเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย

3.       สสจ.  วสส. หรือ วพ. แม้จะมีเงินบำรุงก็จ่ายไม่ได้

การพิจารณา จึงเห็นชอบให้มีวัตถุประสงค์การจ่ายค่าตอบแทน  เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ จนท. สายบริการ ให้อยู่ทน อยู่นาน หรือเพื่อชดเชยค่าเสียโอกาส  ครอบคลุมทุกหน่วย ในอัตราที่แตกต่างกัน ตามระยะทางใกล้ ไกลความเจริญ การปฏิบัติงานยากลำบาก  เบิกจากเงินบำรุง  (แต่ถ้าต้องจ่ายนานๆ  ต้องพยายามตั้งงบประมาณ non UC ให้ได้  เพราะ ถ้าเป็นเงินบำรุง  จ่ายได้ 6 เดือน เงินก็หมด)

ในการพิจารณา  เริ่มแรก แบ่งเป็นกลุ่ม

กลุ่ม  1   จังหวัด  อำเภอ  รพศ. รพท. รพ. สังกัดกรมต่างๆ  วสส.  วพ.

กลุ่ม  2   รพช.

กลุ่ม  3   สอ.

แล้วก็เปลี่ยนไป เป็น วสส. วพ. เสนอให้แยกระเบียบไป  เพราะมีเงินบำรุงอยู่เอง  เป็นอำนาจของ ปลัดกระทรวง  น่าจะง่ายกว่า  เช่นเดียวกับ สสจ. สสอ. ก็แยกไปพิจารณา  แล้วก็หน่วยงานอื่น เช่น  สคร. ศูนย์อนามัย  ศวพ. ก็แยกไป

                คาดว่า ระเบียบนี้อาจจะใช้ไม่นาน  เพราะต่อไปจะจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ตาม workload

หมอทินกร ได้นำเสนอข้อมูลจำนวนบุคลากรตำแหน่งต่างๆ ที่ปฏิบัติงานในสถานบริการระดับต่างๆ  พบว่า บุคลากร 4  ด้านที่ว่า  มักจะลาออก ประมาณ 3 ปีแรกที่ทำงาน  และหลัง  10  ปีไปแล้ว ก็มักไม่ค่อยลาออก 

                คณะทำงานในที่ประชุม  จึงมีความเห็นว่าควรพิจารณา ใน รพศ.  รพท.  รพช.  สอ. ก่อน และแบ่งอัตราเป็น 2  ระดับ คือ ทำงานปีที่ 1 – 3 กับ ปีที่ 4 ขึ้นไป  ตั้งตุ๊กตามาหลายตัวเลข ผลมาลงที่

                สหวิชาชีพอื่น แบ่งเป็นคนจบปริญญา หรือไม่จบปริญญา  แบ่งพื้นที่  แบ่งตามอายุงาน

ตัวเลขใน 2 ตารางนี้  ยังไม่เป็นที่แน่นอนมั่นคง  เพราะ ต้องเอาไปคิดยอดรวม ไม่ให้เกินวงเงินงบประมาณทั้งหมดที่จะได้รับ  และต้องแล้วแต่คณะกรรมการนโยบายจะพิจารณา   แต่เสนอเข้าไปในหลักการ   เภสัชกร ขอ 50% ของแพทย์   พยาบาลขอ 30% ของแพทย์

                สรุปข้อเสนอจากที่ประชุม

1.       ชื่อ  “ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข”

2.       แบ่งอายุงานออกเป็น  ปีที่ 1 – 3   กับ  ปีที่ 4  ขึ้นไป

3.       เพิ่มให้ใน  รพศ.  รพท.  รพศ.  รพท.  และ  สอ.

4.       ครอบคลุมทุกกลุ่มวิชาชีพ  ทุกหน่วยบริการ และหน่วยสนับสนุน

5.       ตามหลักการเดิมที่จะไม่แตะต้องหลักเกณฑ์เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย 28 พย.51 แต่ก็จะขอปรับปรุงอัตราการจ่าย  คือขอตัดอัตราจ่าย สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ปีที่ 10-20 และปีที่ 21 ขึ้นไป  เป็นอัตราเดียวกับ ปีที่ 4 ขึ้นไป  เพื่อให้เกิดความสมดุลในหน่วยงาน

หมายเหตุ  ตอนเลิกประชุม  เกือบ 4 โมงเย็น   ยังไม่ได้พิจารณาของ  สสจ.   ว่าจะจ่ายให้วิชาชีพใดบ้าง  หรือผู้ปฏิบัติงานในกลุ่มงานใด

พวกเราอย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาเสียง...เสียงแมว พวกเราต้องสามัคคีกันค่ะ ใครที่ให้กำลังใจก็ขอบคุณค่ะเพราะเราทำตามสิทธิ์ของเรา ไม่เดือดร้อนใคร