ขอบ่นบ้าง

พยาบาล บางคน  รายงานคนไข้ไม่ได้เรื่อง เด็ก active ดี บอกว่าเด็กซึม  ประเมิน กาสโคโคมาสกอ ไม่เป็น 

ทันตแพทย์บางคน  ใช้งานทันตภิบาลเยี่ยงทาส  ตัวเองนั่งเล่น net  บอก ทำไปเถอะ ยังไง ความรับผิดชอบก็เป็นของทันตแพทย์อยู่แล้ว  เอาเปรียบลูกน้อง ทุกบ่ายวันพฤหัส ปิดฝ่าย อ้างล้างเครื่องมือ  แต่รับเงินเดือนเต็มเดือนเอาเปรียบหลวง 

เภสัช บางคน แขวนป้ายเปิดร้าน ตัวเองไม่เฝ้าร้าน ร้านยาไม่ได้มาตฐาน  เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบผู้บริโภค

สิ่งเหล่านี้ ok มั้ย

จขกท.เองครับ

เห็นด้วยกับคุณหมอคห.2

มันต้องมีการประเมินและนิเทศงานกันบ้าง

พยาบาลไม่ดีก็มี ทันตแพทย์ไม่ดีก็มี เภสัชไม่ดีก็มี ...

ทำไมไม่ไปประเมินหรือนิเทศการทำงานบ้าง!!!!

---------------------------------

แต่ที่กระทู้จั่วหัวบ่นแพทย์เป็นเรื่องหลัก เพราะว่า "แพทย์ไม่ดี เดือดร้อนมาก แถมยังแก้ยากครับ"

อย่างพยาบาลเนี่ย ถามว่าไม่ดีมีเยอะไหม ก็ยอมรับว่าก็มีเยอะเหมือนกัน น่าจะมากกว่า 20% ด้วยซ้ำ เอาเป็นว่า "ทุกวิชาชีพมีทั้งที่ดีและไม่ดี" ละกันครับ... แต่การตรวจสอบพยาบาลพอมีอยู่บ้าง ทั้งการประเมินขั้นเอยอะไรเอย นิเทศติดตามงานที่รับผิดชอบตามปกติเอย และอย่างน้อย พยาบาลมีปัญหา แพทย์หรือหัวหน้าพยาบาลก็เรียกมาเฉ่งได้ ....

แต่แพทย์น่ะ เท่าที่ดูตอนนี้ รู้สึกว่า ต้องรอโดนคนไข้ฟ้องอย่างเดียว (มันก็น่าแปลก แพทย์ดีๆมักโดนฟ้องเพราะปัญหาการสื่อสาร ซึ่งคนไข้มักจะตีความผิดๆ ทั้งๆที่บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หรือเหตุสุดวิสัยจริงๆ และแพทย์ก็ทำเต็มที่แล้ว ... แต่แพทย์ที่ไม่ดีเนี่ย เห็นลอยนวลอยู่หลายปีแล้ว ไม่ยักกะโดนฟ้อง แปลก ...)

ให้ลองนึกภาพว่า สมมุติโรงพยาบาลชุมชน มีแพทย์อยู่ 4 คน ประกอบด้วยแพทย์ที่นิสัยดี 3 คน ไม่ดี 1 คน ... จะบอกว่าแค่ 1 คนนี่แหละ โคตะระเดือดร้อน!! .... แต่เงินที่แพทย์ 1 คนนี้ได้นั้น เอาไปคิดเงินและแจกพยาบาลได้ตั้งเกือบ 30 คน!!

ผมถึงบอกไง ว่าเงินโอเค ... แต่มันต้องมีการประเมิน/นิเทศ/ติดตาม การทำงานของแพทย์บ้าง เพราะเงินมันมากกว่าคนอื่นเยอะ แต่กลับไม่มีการประเมินหรือนิเทศติดตามการทำงานเลย เป็นเรื่องที่น่าแปลก

-------------------------

ปล. พยาบาลประเมินพลาดหรือไม่เก่ง "แต่รับผิดชอบงาน" ผมว่าโอเคนะ อย่างพยาบาลถ้าอยู่ ER ประเมินว่าเด็กซึมและคิดว่ามีปัญหาเลยเรียกแพทย์ ... แต่จริงๆเด็กกลับ active ดีเนี่ย ... อย่างน้อยถ้าเค้าไม่มั่นใจ เค้าก็ไม่ปล่อยคนไข้กลับบ้านไปง่ายๆ แม้จะโดนว่าก็ตามว่าประเมินคนไข้ไม่เป็น

(ตรงนี้เป็นปัญหาเรื่องของการพัฒนาศักยภาพบุคลากรมากกว่า)

แต่ก็มีบางพวกเหมือนกัน เช่น OPD จะลักไก่ได้ง่าย รีบเขียนประวัติการเจ็บป่วยง่ายๆ ที่เหลือหน้าที่แพทย์ตรวจละกัน

ผมยังเห็นต่างจากคุณนะ

เรื่องเบี้ยเหมาจ่ายนี่ เจตนาคือ แรงจูงใจในการอยู่ รพช

มิใช่แรงจูงใจที่ให้ทุกคนทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าแบบนี้ ก็มีเช่น การให้ 2 ขั้น( ซึ่งพวกเราไม่สนอยู่แล้ว)

ผมยังเห็นว่าการฟ้องร้องนี่แหละเป็นตัวกระตุ้นการทำงานมีประสิทธิภาพ ไล่เป็นรายตัวเลย ตั้งแต่ พยาบาล er พยาบาลward  แพทย์ er  แพทย์ ward

บางทีผมก็รู้สึกไม่พอใจเพื่อนร่วมงานบางคนเหมือนกัน ที่เอาเปรียบผมแต่ผม ปล่อยวาง ให้กฏแห่งกรรมว่าไป  แล้วในที่สุดเขาก็ได้รับผลของกรรมนั้นโดยที่ผมไม่ต้องทำอารายเขาเลย

^

^

ร้านขายยาที่ไหนครับ "บางเดือน" ได้มากกว่าหมอ -*-

ร้านไหนๆเค้าก็ได้มากกว่าเงินเดือนหมอ "ทุก" เดือนกันทั้งนั้นล่ะครับ

อยากจะบอกว่า หมอบางคนเค้าไม่ได้ทำแค่รพช.แล้วก็รับเงินอยู่แค่นั้นหรอกนะครับ... หมอบางคนบ้านเค้าเปิดธุรกิจที่รวยกว่าร้านขายยาอีกครับ ... แต่เค้าก็ยังมาทำงานเป็นหมออยู่ ผมมองว่าแม้บ้านจะมีเงินมีทองอยู่แล้ว มีธุรกิจอยู่แล้ว แต่ก็ยังมาทำงานของตัวเองเพิ่มประสบการณ์ ช่วยเหลือคนไข้ไม่ได้เอาแต่เกาะพ่อแม่กินเนี่ย ผมมองว่าน่านับถือครับ

----------------------

คุยกับคุณหมอที่อุตส่าห์เข้ามาตอบกระทู้ต่อดีกว่า

จริงอยู่ครับ ที่เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย มีเจตนาเพื่อให้อยู่รพช.... แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆครับที่เจตนาการกระทำบางอย่างซึ่งโอเคมันก็อาจจะได้ผลตามเจตนาของมัน แต่มันก็มีผลกระทบอื่นๆตามมาจากผลของการดำเนินการบางอย่างที่ไม่ได้คาดหวังจะให้เป็นด้วย

ซึ่งก็อย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้นั่นล่ะครับ กระทบต่อความสามัคคีของวิชาชีพทางสาธารณสุขมาก แถมยังเกิดกับพยาบาลที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ด้วย ... ครั้นจะไปบอกว่า "พยาบาลควรจะเสียสละสิ ทำงานอย่าหวังแต่เงิน" ... มันก็ไม่ได้อ่ะครับ เดี๋ยวก็ย้อนอีกว่าทำไมแพทย์ไม่เสียสละรับเงินน้อยๆบ้าง เกี่ยงกันเป็นเด็กๆ

ผมนั้นคิดว่า "ประสิทธิภาพการทำงาน สำคัญ" นะครับ... สมมุติว่าเราเป็นพนักงานบริษัทขายของ พนักงานทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ อาจจะทำให้ยอดขายไม่ได้ดังเป้า ... แต่กับรพ.นั้นต่างออกไป การทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพอาจส่งผลต่อชีวิตคน ซึ่งคุณค่าแห่งความมีประสิทธิภาพนั้น มันเทียบกันไม่ได้

 และผลกระทบครั้งนี้ก็ค่อนข้างจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานพอสมควร ... เมื่อเราเห็นแล้วว่าเจตนานี้ กับส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ แล้วเราจะแก้ไขยังไง?

....

ก็ลองคิดๆดูว่าจะแก้ยังไง???

1.ลดเงินแพทย์ให้เท่าเดิม ไม่ให้ได้เงิน??? ... ไม่ใช่การแก้ปัญหาเลย ซ้ำร้ายเจตนาที่ต้องการดึงแพทย์ไว้ให้อยู่รพช.ยังคว่ำไม่เป็นท่าอีกด้วย

2.เพิ่มเงินให้พยาบาลได้เยอะขึ้น ... นี่ก็ตลก จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย พยาบาลมีกันกี่คน และอีกอย่างพยาบาลไม่ใช่วิชาชีพที่ขาดแคลนเท่าแพทย์ พูดงี้ไม่รู้พยาบาลจะเคืองหรือเปล่า แต่มันเป็นเรื่องที่ต้องทำใจครับเพราะหัวเรือใหญ่ในด้านการรักษาต้องแพทย์จริงๆ

------------------

ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือ ทำให้แพทย์ที่ได้เงินมากนั้น เป็นที่ยอมรับได้ว่า "เหมาะ" แก่การได้จริงๆ

อย่างที่คุณหมอบอกว่าการให้สองขั้น "หมอไม่สนอยู่แล้ว" จึงเห็นได้ชัดว่าการประเมินแบบปกติ ทำอะไรไม่ได้เลย

ผมจึงคิดว่า ควรจะมีการประเมินหรือนิเทศติดตามบางอย่างกับแพทย์บ้าง ... ไม่ใช่ว่าเห็นเป็นวิชาชีพแพทย์ก็ดึงตัวไว้หมด (แต่ถึงผมจะออกมาบ่นแบบนี้ แต่ส่วนตัวก็ยังนึกไม่ออกครับ ว่าจะประเมินยังไง ถึงจะมีประสิทธิภาพจริงๆ)

-------------------------

เรื่องกรรมน่ะปลงได้ก็ดีครับ ... คนบางคนต้องเจอเรื่องไม่ดี เรื่องที่น่าสงสาร ก็อาจจะเป็นเพราะกรรมเก่าก็ได้ ... แต่ผมอยากให้เค้าไปเจอที่อื่นมากกว่า ไม่ใช่เจอในโรงพยาบาลเพราะบุคลากรสาธารณสุขน่ะครับ -*-

ส่วนผมยังปลงไม่ได้ครับ แพทย์ดีๆมีเยอะ แต่แพทย์ไม่ดีเนี่ย ....... เห็นแล้วยังปลงไม่ได้ครับ บอกตรงๆ ถึงมาตั้งกระทู้นี่ไง -*-

ต่ออีกหน่อย

เรื่องการฟ้องร้อง เห็นด้วยเลยครับว่าเป็นตัวกระตุ้นที่ดี ... แต่มันเหมือนเป็นการรอพระเอกขี่ม้าขาวไปหน่อย จะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ -*-

บางทีดีไม่ดีกลับเป็นม้าดำซะอีก แพทย์ดีๆเค้าก็แย่อ่ะครับ

มันก็พูดยากอ่ะนะครับ

ที่คุณพูดก็ ok

แต่เจ้าของกระทู้เชื่อคำพูดนี้หรือปล่าวครับ

 " ของฟรีที่ดี ไม่มีในโลก "

ระบบสาธารณสุขสมัยก่อนมีบัตรทอง คนไข้จ่ายเอง opd  ไม่ถึง 50 ราย หมอตรวจคนไข้ด้วยความสบายใจ ใจเย็น ตรวจละเอียดได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ความผิดพลาด จากการรักษาย่อมน้อย ถือว่ามีประสิทธิภาพ ผมจึงตัดสินใจเรียนแพทย์

แต่ตอนนี้ ไม่ต้องจ่ายเงิน opd 150-200  คน งานหนักมากขึ้น แพทย์บางส่วนทนไม่ได้ ลาออก เหลือแพทย์น้อย จะให้ตรวจละเอียด เอาแบบหัว จรดเท้าคงไม่ได้ การคุยกับคนไข้น้อยลง  ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการสื่อสาร ผู้ป่วยเริ่มไม่พอใจแพทย์ ประสิทธิภาพจึงลดลง 

ผมก็อยากให้คนที่บอกว่าควรมีการนิเทศแพทย์ ลองset ระบบมาเลย ว่า

ใครเป็นผู้นิเทศ

จะนิเทศแพทย์กี่คน  1 คน  2 คน  ทั้งหมดว่าไป

จะนิเทศกี่ครั้ง

ถ้าจะเรียกแพทย์มารับนิเทศพร้อมกันทั้งหมด ใครจะมาเฝ้า er หรือให้แพทย์ วิ่งไปมา  หรือให้พยาบาลตรวจไปก่อน ไส่tube cpr ไปก่อน

ผมบอกเลยว่าเบี้ยเหมาจ่าย ตอนนี้ผมได้ 40000 ผมยังเลือกไปเรียนต่อเลย เลยไม่ค่อยแคร์เท่าไหร  แต่จะup  ให้ พยาบาล 3000  5000 นี่ ผมไม่ขัดข้อง ถ้ามีเงินจ่าย แต่ระยะยาวอาจมีปัญหาได้มันจึงเป็นเหตุผลให้พยาบาลได้เท่านี้ แพทย์ได้เท่านี้   ส่วนที่พยาบาลน้อยเนื้อต่ำใจ คิดว่าตัวเองเป็นทาส นั้น ก็สุดแท้แต่จะคิดแต่ถ้าคิดว่าแพทย์ได้เงินมาก แล้วมาพาล นี่ ผมก็จะสู้สุดฤทธิ์เหมือนกัน

ผมก็ไม่ได้เหยียบเท้าใครครับ

สัจจังเว อมตะ วาจา = ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

ถ้าใครไม่เป็นอย่างที่ผมบ่น ก็ขอโทษ ถอนคำพูดก็แล้วกัน

แต่ถ้าใครเป็นดังที่ผมว่า  ก็อย่าลืมที่จะทบทวนตัวเองก็แล้วกัน  หมอก็ถูกวิจารณ์ได้ แล้วทำมายผมจะวิจารณ์ สหวิชาชีพไม่ได้ครับ

หมอนี่ ถ้าปากไม่ดี เขาก็เรียก หมาได้นะ

มันเป็นหลัก IC อยู่แล้วที่บ่ายของหนึ่งวันในสัปดาห์หนึ่งๆ เครื่องมือทุกชิ้นในห้องทันตกรรมมันต้องนำไปฆ่าเชื้อให้หมดทุกชิ้น ซึ่งนี่คือเกณฑ์ที่เขากำหนดมา  ดังนั้น จะบอกว่า เขาไม่ทำงานไม่ได้ อย่ามองตื้นๆ เพราะช่วงครึ่งวันนั้น จนท ไม่มีเครื่องมือเหลือให้ทำแล้ว และ เจ้าหน้าที่ห้องฟันเขาก็ต้องตรวจเช็ควัสดุเวชภัณฑ์คงคลัง รวมถึงงานเอกสารตกค้างทั้งหลาย ไม่ได้นั่งว่าง

ถ้าอ้างว่าว่างแบบนี้ ก็คงเหมือนพวกแพทย์ รพช ที่จัดเวร OR แต่ไม่เปิด OR นั่นแหล่ะ มันก็คือการแอบว่างแบบเนียนๆ นั่นเอง

แพทย์ที่อยู่เวร OR ก็คือนอนกำสะดือไม่มีงานทำอยู่บ้านพักนั่นเอง  อย่างนี้เรียกว่า ว่างซ่อนรูปหรือเปล่า ??

แต่ละคนมีภาระหน้าที่ อย่าคิดว่าตัวเองงานเยอะสุดสำคัญสุด เหนื่อยเป็นอยู่กลุ่มเดียว คงไม่ใช่

จริงคะ....คุณผู้หญิง!!!! ^_^

ไม่จริงมั้งครับ

เป็นข้ออ้างของ สภาหมาฟัน เองที่ ต้องsterlileเครื่องมือทั้งหมด

เอาเปรียบแพทย์ พยาบาล เภสัช มานานแล้วยังไม่สำนึก  คุณเคยมั้ยที่คิดจะเสนอซื้อ set ทำฟันเพิ่มเพื่อให้มีการปฏิบัติงานในช่วงวันราชการจันทร์ - ศุกร์ ถ้าจะsterileเครื่องมือ แน่จริงทำไมไม่sterileของ วันเสาร์อาทิตย์หละครับ เพราะพวกคุณเคยชินกันการเอาเปรียบจนลืมตัว

คุณคิดเป็นคนเดียวหรือยังไงที่จะต้องจัดการเอกสารที่คั่งค้าง แพทย์ ไม่ต้องสรุป chart หรือยังไง เภสัชไม่ต้องcheck stockยา หรืออย่างไร หรือว่าพยาบาลไม่มีงานเอกสารหรือ อย่างไร ทำไมไม่ทำนอกเวลาราชการ( หรือกลัวไม่มีเวลาไปเกาสะดือ)

แล้วมาเปรียบเทียบกับแพทย์ เปิดโอ อาร์ ถ้ามีcase  เขาทำทันทีครับ ไม่ได้นอนเกาสะดือดั่งที่คุณว่า  ผิดกับบางสาขา บ่ายวันพฤหัส ปั๊บ ล็อกห้อง  นั่งเปิดวิซีดี ดูหัวเรากันเอ๊ก อ๊าก เด็กปวดฟัน ส่งมาพบแพทย์ พบพยาบาล แบบนี้เรียกว่าเอาเปรียบ แพทย์ พยาบาล เภสัช หรือไม่ครับ ถึงไม่มีเครื่องมือตรวจ ก็แล้วทำไมไม่ supportive เองหละครับ ส่งมาให้แพทย์ พยาบาลทำไม

แต่ละคนมีภาระหน้าที่ อย่าคิดว่าตัวเองขาดแคลนสุดสำคัญสุด เหนื่อยเป็นอยู่กลุ่มเดียว  คิดจะปิดแผนกวันราชการโดยที่คนอื่นเขายังให้บริการอยู่คือความชอบธรรมนะ เดนโตโต

ขออภัย พิมพ์ผิด มีอารายะพอ ไม่กล่าวหาใครเป็น " หมา "

เปลี่ยนเป็น" สภาหมอฟัน" ครับ

เรียนคุณ สหวิชาชีพ

ผมไม่ใช่เจ้าของกระทู้นะครับ

ก็ในเมื่อเจ้าของกระทู้อ้างว่าแพทย์บางคนก่อน

ถ้าผมจะพูดว่า

เภสัชบางคน

ทันตะบางคน

พยาบาลบางคน

เป็นอย่างนั้น อย่างโน้น อย่างนี้ มิได้เชียวหรือ จะปิดกั้นไปทำไม  ก็ในเมื่อมันเป็นข้อเท็จจริงอีกด้าน และผมก็ได้ขอโทษทุกคนที่ไม่ได้เป็นดังที่ผมว่าไปแล้ว พอใจยังครับ

ไม่ได้มีคำใหนเลยที่ผมพูดไม่เคารพในศักดิศรีวิชาชีพ แต่ผมด่าบางคนบางวิชาชีพเท่านั้น ก็เหมือนกับเจ้าของกระทู้พูดถึงแพทย์บางคนนั่นหละครับ

และที่พูดมา มีคำใหนที่ทำให้วิชาชีพผมดูดีครับ

ในเมื่อเจ้าของกระทู้คิดดีแล้วว่า " บอดนี้น่าจะบ่นเรื่องนี้ได้"

ผมก็ขอเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมตีแผ่ มิได้เชียวหรือ

ก็ถ้าคิดว่ายังไงก็ต้องทำงานร่วมกันก็ลบกระทู้นี้เลยซิครับ จะได้หมดปัญหา

โหะๆๆ หมอฟันเอาเปรียบแพทย์ พยาบาล เภสัชฯ กล้าพูดเนาะ ไม่มียางอายเลยจริงจิ๊ง อ้ายหมอกระเด็น

เมิงนั่นหล่ะ เอาเปรียบเขา กินเงินเวรแต่นอนเกาสะดืออยู่บ้านพัก ใช้พยาบาลตรวจแทน หรือไม่ก็ order by phone แล้วแหกขี้ตามานั่งเซ็นแฟ้มย้อนหลัง จะด่าใครหัดมองพฤติกรรมพรรคพวกตัวเองก่อน

เมิง review chart ,พยาบาลลงบันทึก chart หมอฟันและ จนท ห้องฟันเขาก็ตรวจเช็คเวชภัณฑ์คงคลัง ทำงานเอกสารในครึ่งวันที่ไม่ทำหัตถการนั้น ต่างกันตรงไหน เมิงก็ทำงาน เขาก็ทำงาน เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบงานจากตรวจรักษามาเป็นเอกสาร เอาเปรียบเมิงตรงไหน  เมิงต่างหาก ใช้พยาบาลอย่างกับขี้ข้า แถมเงินก็ไม่แบ่งเขา ไม่พอใจก็ด่าเขาอีก เขาเป็นขี้ข้ารับใช้เมิงมาแต่ชาติปางไหน หมอกระเด็นเอ้ย

เมิงไปอ่าน criteria เรื่อง infection control ทางทันตกรรมก่อนป่ะ แล้วค่อยมาพูด ถ้าไม่มีการกำหนด ใครเขาจะกล้าทำเอง ฟาย

ทุกวันนี้ห้องฟันทั่วประเทศเครื่องมือที่จะใช้แต่ละวันยังไม่เพียงพอ เสร่อจะให้มีชุดสำรอง  พูดเอามันส์นะเมิง ทำอย่างกับชิ้นละสิบบาทยี่สิบบาท

งานพวกตูไม่ใช่แค่ฟังแล้วจ่ายยา งานพวกตูต้องลงมือทำ และในการทำ ก็ต้องมีเครื่องมือ และเมื่อใช้เครื่องมือ ก็หมายถึงเงิน รวมถึงแรงงานที่ต้องฆ่าเชื้อ แล้วการฆ่าเชื้อก็ต้องใช้เวลา  โดยเฉพาะการฆ่าเชื้อทั้งระบบ  เมิงไปบอกกระทรวงป่ะ ว่าไม่ต้องทำ ตูไม่ว่าหรอก

พูดง่าย ทำไมไม่ทำเสาร์อาทิตย์ เมิงก็ไปบอก ผอ ให้มันจ้างคนงานมาเพิ่มเพื่อฆ่าเชื้อเครื่องมือห้องฟันดิ  ตูไม่มีปัญหาหรอกถ้ามันอยากทำกันวันหยุด เพราะตูไม่ได้ไปนั่งทำกับพวกมันอยู่แล้ว ที่เขาให้ทำวันราชการก็เพราะวันราชการคนงาน supply มันอยู่กันเต็มสตรีมพร้อมสำหรับเครื่องมือเยอะๆจำนวนมากได้ คิดนิดนึง อย่าแค่ด่าเอามันส์

แล้วถ้าเมิงอิจฉาว่าหมอฟันสบาย ตูแนะนำว่าเมิงลาออกแล้วไปเรียนมาเป็นหมอฟัน รู้ว่าอะไรสบายแต่เฉือกไปเรียนเป็นอะไรที่รู้ว่าลำบาก แล้วมานั่งบ่นชะตาชีวิต ฟายเอ้ย โง่ไปเลือกเป็นเอง แล้วมานั่งพร่ำบ่นทีหลัง

เอาเปรียบพยาบาลอยู่ชั่วนาตาปี ดั้น มาหาว่าหมอฟันเอาเปรียบวิชาชีพอื่น

พูดถึงเรื่อง order byphone ก็ดีแล้ว จะบอกที่คุณพูดนี่หมายถึงการบฏิบัตินอกเวลาราชการนี่ oncall แพทย์ไม่ต้องตรวจเองครับ รับค่าตอบแทน550  แต่ถ้าstanby นี่ 1100 ตรวจทุก case  แล้วหมอฟันทำแบบนี้ปล่าว rate หมอฟัน มีrate เดียว1100  แล้วทำไมให้เจ้าพนักงานทันตภิบาลทำแทนครับ ตัวเองนอนเกาสะดือที่บ้าน อย่างสบายใจ

ต่างกันซิครับ ในเวลาราชการ หมอตรวจคนไข้ทุกราย แต่ถ้าเด็กปวดฟัน มาในเวลาราชการตรงกับบ่ายวันพฤหัส หมอฟันไม่รับดู โยนให้คนอื่น ก็แล้วทำไมไม่สั่งยา supportive  เอง ครับ ถามแค่ นี้

ตัวเองเอาเปรียบทันตภิบาลชั่วช้านาปี ไม่เคยสำนึก  ความรู้ก็ไม่ถึงขั้นสุดยอด คนไข้ dental root abscess ไม่มีปัญญาสั่ง iv atb  ไม่มีปัญญา เขียนadmit เอง  แล้วคุณเดนโตโต ยังมีหน้ามา ขอตัวเองเป็นผู้บริหารรพช อีกตะหาก ตลกสิ้นดี

ทำมาปลุกระดมให้พยาบาล เลิกตรวจแทนแพทย์oncall เลิก order by phone

อย่าลืมปลุกระดม ให้ทันตภิบาลเลิกทำcase ให้ตัวเองด้วยนะ

แล้วจะบอก ไม่มีทางที่ผมจะลาออกจากหมอ ไปเรียนหมอฟันหรอกครับ  เรียนไปทำไม ให้ความรู้หดลง อายเขาปล่าว  เด๋วจะลืม ว่า ต้องสั่ง iv atb ที่จำเป็นสำหรับทางทันตกรรมอย่างไร  ต้องconsult หมอ เสียศักดิ์ศรีหมด   เพราะยังไงปีนี้ผมก็จะได้ปรับrate พตส จาก 5000 เป็น 10000  อยู่แล้วววว

สังเกต ว่า ความเห็นนี้ ไม่มีคำว่า เมิง(ที่จริงกะจะบอกว่ามึง)  อ้าย(ที่จริงกะจะพูดไอ้) คำว่าหมา เพราะคำ ๆนี้ต่ำและ หยาบ สิ้นดี คนที่หยาบและต่ำเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้ คำเหล่านี้

ตกลงจะตอบได้ยังทำไมไม่ supportive เด็กปวดฟันมาช่วงบ่ายวันพฤหัส เอง ทั้ง ๆ ที่ หมอฟันก็ยังอยู่ 555

และผมจะบอก ผมนี่หละเป็นประธาน infectious  control เคยเสนอไปแล้ว ให้จัดการsterlile เครื่องมือ วัน ส - อา

แต่บางคนไม่ยอมบอก " พี่ไม่เอานะ แค่นี้ก็ปวดหลัง แสงเข้าตาพี่มากพอแล้ว  " ผมบอกต่อ จะไม่ทำหัตถการบ่ายวันพฤหัสก็ได้ แต่ต้องตรวจผู้ป่วย เขาส่ายหน้า

เฮ้ยย รับ 1100 นั่นหล่ะ แต่ยัง order by phone สั่งพยาบาลว่า รับเฉพาะเคสฉุกเฉิน อย่ามาทำเป็นอ้าง 550 เลย ไม่เห็น รพช เบิก rate 550 เลย 1100 ทั้งนั้น แต่ก็ยัง order by phone เห็นๆ กันอยู่

ช่วงหลังมีคนไข้ร้องเรียนเรื่องหมอไม่ขึ้นมาตรวจบ่อย เลยทำเนียนขึ้นมา แต่ปรับเทคนิคหน่อยคือ ขึ้นมาสายๆ คนไข้จะได้เบื่อไปเอง คนไข้มากันไก่โห่เจ็ดโมงครึ่ง นู่น มาตรวจสิบเอ็ดโมง หันไปโรงพยาบาลไหนก็แทบจะเป็นแบบนี้ เคยได้ยินมากับหู อยากมากันวันหยุด ก็ต้องให้รอแบบนี้ รอได้รอไป   นี่ พูดกันขนาดนี้เลย

ส่วนเรื่องหมอฟันใช้ทันตาภิบาลทำนอกเวลาราชการแล้วตัวเองนอนอยู่บ้านรับเงินเวรนี่ มั่วแล้ว ไม่มีแน่นอน หรือถ้าจะมีในบางคน ช่วยด่าเลย ว่าเอี้ยได้ใจ

ส่วนเรื่องปวดฟันมาแล้วไม่ตรวจพฤหัสอะไรนั่น คงจะเป็นพฤติกรรมหมอฟัน รพ คุณที่เดียวละมั้ง เพราะที่อื่น เห็นเขาก็จ่ายยาแล้วนัดคนไข้กลับมาทำวันถัดๆไปทั้งนั้น จ่ายยาแก้ปวดแก้อักเสบไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัส และไม่จำเป็นต้องไปพึ่งสติปัญญาคนอื่นหรอก หมอฟัน รพ คุณมันคงขี้เกียจระดับปรมาจารย์แล้วหล่ะ ถ้าทำอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่อยากให้ทราบไว้ เขาไม่มีพฤติกรรมอย่างนั้นหรอก

หมอฟันกับทันตาภิบาลเนี่ย มันมีงานที่ทำได้เหมือนกันก้ำกึ่งกันอยู่ เช่นถอนฟันปกติ อุดฟันและขูดหินปูน แต่ที่ทันตาภิบาลทำไม่ได้เลยก็คือ รักษารากฟัน ผ่าฟันคุด ฟันเทียม ดังนั้น ภาระหน้าที่เหมือนกันมีอยู่ ดังนั้น ถ้าเห็นทันตาภิบาลทำฟัน ไมได้แปลว่าหมอฟันเอาเปรียบ แต่อยู่ที่ปัจจัยว่า เตียงมีเท่าไหร่ หมอฟันกี่คน มีงานบริหารไหม มีงานเอกสารไหม แต่ถ้าถึงขนาดว่าหมอฟัน รพ นั้นไม่ทำแล้วให้ทันตาทำไปเลยนี่ คงไม่มีแน่นอน ยิ่งในเวลานอกราชการ ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะ ผอ มันจ้องเล่นอยู่แล้ว ไม่มีทางเด็ดขาด โดนปิด OT แน่นอน ดังนั้น มั่วอะไร มั่วให้เนียน อย่าเอาพฤติกรรมพวกตัวเองมาเหมาว่าคนอื่นทำเยี่ยงเดียวกัน

ส่วน IV antibiotics เนี่ย ยากมากเลย หมอฟันทำไม่เป็นเลย???

ไม่มีหมอฟันในประเทศนี้เคย IV atb เลย?

เห็นอะไรที่ รพ ตัวเอง อย่าเหมา คิดว่าเขาจะเป็นกันทั้งประเทศเหมือนหมอฟันที่ตัวเองเห็น นะจ๊ะ

มันไม่ยากหรอก เพียงแต่ที่ถามๆมา ที่เขาให้หมอทำไปเลยเพราะจะได้ไม่ order ซ้ำซ้อน  เพราะหมอประเภทที่ชอบวิเคราะห์วิจารณ์การรักษาคนอื่นว่าอย่างนั้นอย่างนี้มันมีเยอะ สูตรตัวเองวิเศษสุด เกลียดนักกับคำถามว่า อ้าว ทำไมใช้ตัวนี้ล่ะ ทำไมไม่ใช้ตัวนี้  หมอฟันส่วนใหญ่มันเลยตัดปัญหาว่าอ่ะ งั้นทำไปเลย เบาปวดเบาอักเสบแล้วค่อยมาทำฟันซี่ที่มีปัญหาละกัน

ถามว่าเขาทำไม่เป็นเลย ไม่เคยเรียนมาเลย?? คงไม่ใช่หรอกจ่ะ  doctor order chart เรียนมาจ่ะ เขียนเป็นนะจ๊ะ

ไม่อยากมาเรียนหมอฟันกลัวความรู้จะหดลง เหรอ????

ฮ่าๆๆ เป็น board ของแพทย์ ก็เห็นความรู้ทั่วไปก็หดหายนี่ บางคนถึงกับไม่ยอมตรวจทั่วไป อ้างว่าตัวเองเฉพาะทาง เคยเห็นหมอบางคนมันลองของไปถามอีกคนในบางเรื่อง ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

คนเราอ่ะ เรียนมาเหมือนกัน แต่พอทำงานไปๆ อะไรที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง มันก็ต้องหดหายไปเป็นธรรมดา

ถ้าตูถามเมิงลึกๆ เรื่องทาง oral เมิงก็จอดเหมือนกันละวะ อย่ามาทำเป็นฉลาดอยู่คนเดียว

พตส เพิ่งจะปรับเข้า 10000 นึงเหรอ ฮ่าๆๆ ตูรับมาเป็นชาติแล้ววววว

แต่เอ๊ะ ที่ปรับนี่ เพราะไปศึกษาต่อมาแล้วปรับ หรือว่าปรับเพราะทำงานเกินสี่ปีเหรอ? ฮ่าๆๆๆๆ ตลกดีกับเกณฑ์ข้อนี้ ทำงานครบสี่ปีปรับ อ้างทำ HA แต่ตูเห็นทำจริง แพทย์หายหัว ปล่อยให้ทันตะ เภสัช พยาบาล ขุดกันไป แต่เวลาผู้ใหญ่ลงมาตรวจ เสร่อขึ้นมานั่ง present  พอผ่าน แพทย์ได้หน้าไป เก่งนะ นักพัฒนา ถุยส์  ทำไมไม่กำหนดเกณฑ์ไปเลยล่ะ ว่าไม่ว่าวิชาชีพไหน ถ้าทำ HA เกินสี่ปีปรับเหมือนๆกัน แต่อ่ะนะ กระทรวงนี้แพทย์มันคุมนี่ มันก็ต้องเอาผลประโยชน์พวกพ้องตัวเองอยู่แล้ว จะเห็นหัววิชาชีพอื่นเหรอ

ขนาดหมอจบใหม่ อินเทอน 1 อินเทอน 2 มันยังให้มาเป็น ผอ เลย เอาคนไม่ประสีประสามาเป็น ระเบียบราชการก็เรียนรู้ด้วยการอาศัยลักจำ สุดท้ายเสียหมอดีๆไปคน ได้ผู้บริหารเลวๆมาแทน

กินเข้าไป เปอร์เซ็นต์ยา กินกันจนพุงกาง บริษัทไหนให้เยอะ สั่งมันจนยาตัวนั้นจะล้น รพ อนาจใจ รพ ในประเทศนี้มันถึงได้งบประมาณติดลบอยู่ชั่วนาตาปี ถมไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ  นู่นก็สร้าง นี่ก็สร้าง กินกันจนพุงกาง อนาจจริง วงการแพทย์ ข้างนอกสุกใส ข้างในหรือเน่าเป็นโพรง

เอาเวลาไปนั่งแก้วิกฤตวิชาชีพตัวเองไปแทนที่จะมานั่งเพ่งของคนอื่น เพราะตอนนี้วิชาชีพตัวเองวิกฤตแล้วมิใช่หรือ โดนฟ้องร้องกันเป็นว่าเล่น นั่นหล่ะ เขาเรียกผลกรรมสะสม ทำรายำกันจนเคยชิน สุดท้ายเป็นไง คนไข้ร้องเรียน ไม่ว่าจะเรื่องไม่ขึ้นมาตรวจ ไม่เอาใจใส่ดูแล ทำโดยประมาท แล้วอีกร้อยแปดเรื่อง

ลองหันไปมองซิ แล้วเปรียบเทียบดูว่ากลุ่มทันตะ เภสัชหรือพยาบาล เขาโดนหนักเหมือนวิชาชีพอันเลอเลิศเช่นพวกเอ็งไหม ทำมาเป็นปากดีด่าว่าชาวบ้าน 

ล้างบ้านตัวเองให้สะอาดก่อน เน่าจนเป็นข่าวกันแทบทุกเดือนแล้ว ตกต่ำอย่างถึงที่สุดวงการแพทย์  อนาจ

อ่านแล้วสมเพชวะ เรียนมาก็เยอะ ทำให้อาชีพ 2 อย่างนี้ มีคนอื่นสร้างมาดีตั้งนาน แต่กลับมาเสียเพราไะอ้คนโง่ 2 คน เถียงกันให้ชาวบ้านดู คนที่เค้าตั้งใจทำงานหมดกำลังใจ และทำให้วิชาชีพอื่น เปลี่ยนทัศนะคติ จากดีกลายเป็นเลว เพราะไอ้คำพูดที่มันเถียงกันนี้แหละ สมเพชวะ  ถ้าอยากเถียงกันมาก ก็ให้ mail ไปเถียงกันสองคนดีกว่า  หรือไม่งั้นก็เอาปืนมายิงกันให้ตายไปข้างหนึ่งก็ได้

วิชาชีพไหนเถียงกัน ก็เหมือนทำให้วิชาชีพตัวเองดูต่ำลง  ไม่เห็นได้อะไรดีขึ้นมาเลยวะ

คิดได้อย่างไรเอาคนไม่กระสีประสามาเป็น ผอ  การบริหารโรงพยาบาล 70 % เป็นเรื่องเกี่ยวกับคลีนิคดูแลผู้ป่วย จะสถาปนาสายงานตัวเอง ที่ไม่รู้จัก iv atb  มานั่งทุบโต๊ะในคลีนิกบริการคงไม่เหมาะมั้ง เพราะฉะนั้นผมยังเห็นว่าตำแหน่งบริหารควรเป็นหมอ

เดนโตโต อย่างเก่งคงช่วยได้ในเรื่อง น้ำไม่ใหล ไฟไม่ดับในรพ เท่านั้นกะมังครับ หรือว่าให้วิศวะประจำรพช ดูให้ได้

วิกฤติวิชาชีพ เหรอครับ ไม่มีหรอกครับ  กระทรวงเอาใส่ใส่วิชาชีพได้ดีอยู่แล้วหนิครับมีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว ไม่ซีเรียส

เรื่องรายได้ไม่ต้องพูดถึง ตามเนื้องานไม่เคยนั่งเกาสะดือ ไม่เคยคิดเคลียร์เอกสารในเวลาราชการอายพยาบาล อายเภสัชเค้า

ส่วนที่คุณบอกว่าได้พตส 10000 มาชาติเศษนั้น ไม่ค่อยเชื่อ เพราะดูจากคำพูด  เมิง(ที่จริงกะจะบอกว่ามึง)  อ้าย(ที่จริงกะจะพูดไอ้) คำว่าหมา กรู ถุย เพราะคำ ๆนี้ต่ำและ หยาบ สิ้นดี ไม่คิดว่าคำนี้จาออกมาจากผู้มีอารยะ การศึกษาสูง เคยได้ยินมากจาก ผู้ขับขี่ที่มีวินหน้ารพชเท่านั้น  หรือที่เขาพูดว่า " สำเนียงส่อภาษา  ส่อสกุล " จะเป็นจริง

เรื่องกินเปอร์เซ็นยา นี่ ไม่มีหลักฐานกล่าวหากันลอยๆ แน่จริงบอกมาเลยใครชื่ออะไร   ทำเป็นพูดบอกหมอ รับเงินทั้งที่ทำร้าน พอถูกคนอื่นย้อน ให้บอกชื่อมา ไม่กล้าแถไปเรื่อย ไม่ใช่เรื่อง สสจ. เข้าข้างหมอด้วยกัน ถ้าเป็นจริงผมฝากด่า สสจ ที่ช่วยปกปิดความผิดเจ้าหน้าที่ด้วยกะแล้วกันนะ แต่ที่จริงคุณไม่กล้า ถ้าไม่มีความกล้าหาญ แล้วทำไมอยากสถาปนาตัวเองเป็นผู้บริหารหละครับถามหน่อย ที่พูดนี่ก็กลัวเสียทันตะที่ดี(ยิ่งกว่าเทวดา) แต่จะได้ผู้บริหารขี้ขลาดๆ(ไม่แน่ใจจะเลวด้วยปล่าว)เลยมากระตุกเตือน และช่วยล้างสมอง 2 คุณลักษณะ 2 ก ของคุณ  ( กลม, กลว...) และใส่ รอยหยักเพิ่มความกล้าหาญก่อนที่คุณจะเสนอตัว ว่าคุณดีพอเป็นหัวหน้าเขานะครับ 555

ถ้าการแสดงความคิดเห็นมันอยู่ในกรอบ ไม่ไปพาดพิงหรือกระแนะกระแหนวิชาชีพอื่น คงไม่มีใครอยากมาต่อล้อต่อเถียงด้วยหรอก

แต่นี่อะไร  วิชาชีพตัวเองเลิศสุด หนักสุด เหนื่อยสุด คนอื่นงานเบา ไม่หนักเลย ไม่ต้องใช้ความรู้เลย

อะไรๆก็อ้างแต่ต้องอยู่เวร ต้องทำเคสฉุกเฉิน แล้วไง เขาให้หนูทำฟรีหรือยังไง เงินเขาก็ให้นะ

ตัวเองอยู่เวร รับเงินวันปกติสองผลัด เสาร์อาทิตย์วันละสามผลัด เดือนๆหนึ่งสามสี่ห้าหมื่น ในขณะที่คนอื่นเขาได้กันหลักพัน ดันมากระแนะกระแหนว่าคนอื่นสบาย ลำบากอยู่กลุ่มเดียว

ไง เคสใกล้จะตายมากันทั้งคืนเลย  ไม่ได้นอนเลย?

เขาปวดท้องมาตีสอง ก็ไปดุด่าเขา ว่ามาไม่รู้จักเวล่ำเวลา ทำไม... ปวดท้องมันกำหนดเวลาปวดได้หรือยังไง

เคสฉุกเฉินเดือนหนึ่งๆมันจะซักกี่เคสกันเชียวสำหรับ รพช ส่วนใหญ่ นี่พูดกันอย่างกับต้องวิ่งรอกขึ้นมาตรวจกันทั้งคืน

แต่ในความเป็นจริง ก็รู้ๆกันอยู่ นอนกินค่าเวรไป ที่เหลือ order by phone อืม เหรอ เหรอ pulse เท่าไหร่ มีอาเจียรร่วมด้วยมะ อืม..อืม ถามซิ อยากนอนมะ อืม..อืม งั้น admit เลยนะ เดี๋ยวเช้าหมอขึ้นไปดู  ครอกกกกกกก

พยาบาลเหรอ นางเบ้น่ะจ่ะ ทำตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ สุดท้ายไม่ถูกใจโดนด่า ทำไมไม่อย่างนั้น ทำไมไม่อย่างนี้ อะไร ไม่รู้เรื่องเลย บลาๆๆๆ ขี้ข้าพวกนี้แท้ๆ เป็นเวรเป็นกรรม

แต่ละวิชาชีพ ภาระงาน มันไม่เหมือนกัน ตัวเองต้อง deal กับคนไข้ใกล้ตายก็ทำไปดิ จะต้องมากระแนะกระแหน ว่าภาระงานคนอื่นซึ่งเขาไม่ได้ deal กับคนไข้แบบนั้น ใช้องค์ความรู้น้อยกว่า

งั้นเภสัชกรงานเบาสุดเลยมะ ไม่ต้องเจอคนไข้ จ่ายยาอย่างเดียว อย่างนั้นเหรอ

แล้วแพทย์กับกัปตันเครื่องบินล่ะ ใครภาระงานหนักกว่า ดูแลชีวิตเหมือนกัน

แล้วพนักงานธนาคารงานไม่หนักใช่มะ เพราะไม่มีการ deal กับคนใกล้ตาย ไม่มีฉุกเฉิน อย่างนั้นเหรอ

แล้วหมอฟันนี่โง่กว่าพยาบาลด้วยมะ เพราะหมอฟันไม่มีการ deal กับเคสที่ใกล้ตาย

หรือ จนท ห้องแลป กับพยาบาล ใครงานหนักกว่ากัน

เห็นมะ ว่าการเปรียบเทียบ มันรังแต่จะสร้างความแตกแยก แล้วมาเปรียบเทียบทำไม

ตัวเองงานหนัก ไม่มีเวลาพักผ่อน ก็ไปบอกกระทรวงดิ ว่าคนไม่พอ จะช่วยยังไง เนี่ยไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว คุณภาพชีวิตแย่แล้ว นี่อะไร มานั่งกระแนะกระแหนวิชาชีพอื่น

ห้องฟันมันไม่ได้ deal กับคนใกล้ตาย ก็ไม่ได้หมายความว่า เขางานเบากว่าพวกท่านหรอกจ่ะ เพราะรูปแบบงานของเขาคือ  deal แค่ช่องปาก ซึ่งคุณสมบัติของมันคือ เล็ก แคบ หลายเหลี่ยมหลายมุม เขาต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือร้อยแปดพันอย่าง นั่นก็คืองานของเขา  หมอตรวจคนไข้แปดสิบคน ไม่ได้หมายความว่า หมอฟันทำสิบห้าคนแล้วเบากว่า เพราะหมอฟันไม่ได้นั่งในที่กว้างๆ นั่งฟังๆๆๆ แล้วจ่ายยา หมอฟันต้องลงมือทำ ขุด แคะ แกะ เกาลงไปในไอ้ช่องปากที่ไม่อยู่นิ่ง แคบๆ มืดๆ ต่อเนื่องยาวนาน มีผ้าปิดปากให้หายใจลำบาก ชุดหนาๆ  สองชั่วโมงสำหรับสิบห้าคนเนี่ย มันก็แทบจะแย่แล้ว ปวดหลัง ปวดคอ เคยมารับรู้บ้างไหม  นี่อะไร มองแค่จำนวน ว่าตูแปดสิบ หนักกว่ามันแน่นอน

งานเขาทำเสร็จไม่ใช่จบ วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือก็ต้องมีการล้าง มีการ sterile มีการ packaging มีการลงบันทึกทั้งเอกสารทั้งคอมพิวเตอร์ เขาเสร็จคนไข้ ก็ไม่ได้หมายความว่างานจบเลย เขายังต้องมานั่งตามล้างตามเช็ดเรื่องพวกนี้อีก

หมอฟันไม่มียาแก้ฟันผุ ไม่มียาละลายหินปูน จะได้เรียกคนไข้มานั่งฟังแล้วจ่ายยาไปกิน อย่างนี้มาร้อยสองร้อยคนก็ไม่ยั่น

แต่นี่ ทุกคนต้องขุด ต้องลงมือทำ เฉลี่ยต่อคนคือสิบนาที สองชั่วโมงก็ได้แค่สิบสองคน แค่สิบสองชุด เครื่อง autoclave ก็แทบแน่นแล้ว การ sterile ต่อครั้งก็หนึ่งชั่วโมง ต้องรอมันเย็น แล้วเอาออกมาจัดเรียง ห่อผ้า เพื่อเตรียมสำหรับช่วงบ่ายหรือวันถัดไป  เห็นไหมว่ามันจุกจิง แต่นี่พุ่งเป้ามาแค่ว่า สบาย จำกัดคนไข้

ที่มันต้องนัดคนไข้ เพราะมันต้องจัดเตรียมเครื่องมือ ไม่ใช่โผล่มาปั๊บทำได้เลย เครื่องมือเขาไม่ได้มีเงินจัดซื้อให้เยอะแยะขนาดนั้น และถ้ามีเยอะ ก็หมายถึงสถานที่อีก มีพอให้จัดเก็บไหม

เครื่องมือแค่ชุดอุด มีอุปกรณ์อย่างต่ำก็สิบกว่าอย่างแล้ว จัดง่ายมากเลย?

รู้ไหมว่าคีมถอนฟันตัวหนึ่งราคาเท่าไหร่ เอาแบบร้ายๆของปากีสถานเลยนะ 2200 บาทต่อตัว ในหนึ่งชุด ต้องใช้อย่างต่ำคือ 3 ตัว คือตัวแซะ ตัวงัด และตัวถอน นี่ยังไม่นับชุดตรวจและถาดนะ เอาแค่คีม ถั๋วๆ จะถอนหนึ่งคนอย่างถูก ต้องใช้อุปกรณ์ 6600 บาท สิบคนเท่าไหร่ ยี่สิบคนเท่าไหร่ ??

แล้วงานมีแค่ถอนอย่างเดียวไหม มีอุด มีขูด มีรักษาราก มีฟันปลอม มีผ่าฟันคุด มีตัดแต่งสันกระดูก รักษารากฟันอีก กี่ล้านล่ะ รพ มีปัญญา support สำหรับชุดสำรองเหรอ เอาแค่ชุดหลัก ก็ขาดแล้วขาดอีก ใช้กันจนฟันคีมบิ่น ก็ต้องทนใช้ไป

ไปถามหมอฟันที่เปิดคลีนิคได้ ว่าขนาดจัดไว้แค่วันละ สิบห้าคน ขั้นต่ำในการลงทุนเปิดคลีนิคยังสองสามล้าน  แล้วถ้าสถานบริการในระบบราชการซึ่งต้องรองรับคนไข้วันละ 50-60 คน(สถิติเฉลี่ย รพ ผม)จะต้องใช้เงินเท่าไหร่

งานของหมอคือตั้งรับคนไข้ตั้งแต่เจ็บเล็กเจ็บน้อยไปจนฉุกเฉินซึ่งไม่เลือกเวลาที่จะมา ก็ต้องยอมรับว่านั่นคือรูปแบบงาน

งานของหมอฟัน มันก็มีรูปแบบเฉพาะของมัน ถึงไม่ deal กับความฉุกเฉิน แต่มันก็ต้องมา deal กับความแคบ ความมืด ความร้อน และละอองปนเปื้อนที่ฟุ้งกระจาย ต้อง deal กับวัสดุอุปกรณ์มากมาย และที่สำคัญ ต้องลงมือทำเอง ไม่มียามาช่วย พูดง่ายๆคือ งานรักษาปนงานช่าง ซึ่งต้องใช้เวลา ต้องแต่ง ต้องดูความสวยงาม ซั่วๆไม่ได้ นี่คือรูปแบบงาน ไม่ฉุกเฉิน แต่ก็จุกจิก นั่นนิด นี่หน่อย ดังนั้น ต่อคนไม่ใช่นาทีสองนาที แต่เป็นสิบๆนาที เคยอุดฟันบางคน ฟันหน้า ใช้เวลาเกือบสี่สิบนาที เพราะฟันเขาเรียงตัวผิดปกติ ต้องแต่งให้เข้ากับฟันปกติ แล้วให้รูปหน้าดูโอเค ถ้ามากันแบบนี้วันนั้นซักห้าคน ยังไง ใช้เวลาไปเท่าไหร่แล้ว แต่คนข้างนอกมองว่า ดูมัน ดูมัน ทำแค่ห้าคน

แต่ละวิชาชีพมีเอกลักษณ์เฉพาะตน  คนไทยใจดี แต่ก็ไม่ได้หมายความคนญี่ปุ่นมีแต่คนใจร้าย ฉันใด เราย่อมไม่อาจพูดได้ว่า วิชาชีพเราดีสุด เลิศสุด หรือหนักสุด เพราะไม่งั้น การเปรียบเทียบจะไม่สิ้นสุด

ทุกคนรู้ ว่าถ้าเรียนวิชาชีพนี้มา จะมีภาระหน้าที่อย่างไร เมื่อเลือกแล้วก็จงตั้งหน้าตั้งตาทำไป ไม่ต้องไปเปรียบกับคนอื่น เพราะเขาก็เลือกที่จะเป็นอย่างที่เขาพอใจแล้ว ซึ่งมันมีคุณค่าในตัวมันเอง

หมออาจภาคภูมิใจที่ช่วยชีวิตคนไข้ได้

หมอฟันก็ย่อมจะภาคภูมิใจที่ได้นำความสวยงามและคุณภาพชีวิตของคนไข้กลับคืนมา

เภสัชก็เช่นกัน ย่อมภาคภูมิใจว่า ตัวเองได้คัดกรองยาที่ดีที่สุดให้คนไข้

และเฉกเช่นพยาบาล ที่ภาคภูมิใจที่ตนเองคือ ผู้คอย support คนไข้ให้หายจากการเจ็บป่วย

ทุกคนล้วนมีคุณค่าในตนเอง และคุณค่าในแต่ละคน ไม่อาจเปรียบเทียบได้

มา web นี้เจอ  2 คนนี้ มาเถียงกันโชว์ให้คนอื่นดูอีกละ ตั้งแต่web ของแพทย์ คนอื่นเขาก็ไม่สนใจ  web ของเภสัช เขาก็รุมด่าจนปิดกระทู้นี้ ไม่คิดว่ามันจะเถียงกันใน web พยาบาลต่ออีก แล้วคราวนี้web นี้ก็รับความวุ่นวายของ 2 คนนี้ต่อไปนะจ๊ะ ไปละไม่น่าดูเลย เถียงกันเหมือนเก่า

เจ้าข้าเอ้ย  ทำเป็น innocent เรื่องเปอร์เซ็นต์ยา หาว่ากล่าวหาลอยๆ ไม่มีหลักฐาน ฮ่าๆๆ ตลกสิ้นดี กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง

เลวได้ใจนะถ้าพูดแบบนี้  พรรคพวกกินกันทั่วบ้านทั่วเมือง บอกไม่มี้ไม่มี ไหนหลักฐาน เอาเป็นว่า ใครทำอะไรก็รู้กันอยู่แก่ใจละกัน

รูปแบบค่าตอบแทน อยู่ที่ด้านมากด้านน้อย ด้านน้อยหน่อยก็อ่ะ ออกค่าประชุมอบรมให้ทั้งหมด ขอให้ไปเถอะ

ด้านมาอีกหน่อยก็อ่ะ เช็คของขวัญ voucher ตั๋วกำนัล ไปพักเลยนะ ที่นั่นที่นี่ ฟรีตลอดรายการ

ด้านมาอีกนิด อ่ะ จัดไปเที่ยวกันเลย สมนาคุณจากบริษัท ที่ทำยอดได้

ซ่อนรูปหน่อยก็ดึงมาเข้าบัญชีเงินสวัสดิการ รพ ก่อน อ้างว่าใช้จ่ายเพื่อความคล่องตัวของ จนท ทุกคน แต่ตัวเองคุมสมุดบัญชีเอง ไม่ยอมทำในรูปกรรมการ เซ็นเองเบิกเองอยู่ฝ่ายเดียว  เข้าเท่าไหร่ ออกเท่าไหร่ไม่มีใครรู้

และที่รายำสุดก็คือ รับกันตรงๆเลยไม่ว่าจะเป็นจ่ายเงินสดที่ห้อง ผอ หรือโอนเงินให้ในภายหลัง 

ขอโทษด้วยละกัน ที่ดันไปรู้ความเน่าของพวกเอ็งเยอะไปหน่อย แต่มันคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

และมีหมออีกจำนวนไม่น้อย ที่รับเงินไม่เปิดเวชฯ แต่ข้ามทำรับ job ที่อีกจังหวัดตามคลีนิคเอกชน พบได้ทั่วไปตาม ปริมนฑลหรือจังหวัดรายรอบจังหวัดใหญ่ๆ บางคนยอมลงทุนบินมาทำที่กรุงเทพฯ หรือจังหวัดใหญ่ๆ เพื่อให้ห่างไกลสายตาผู้คน  ไง.... เหล่านี้คือความจริงไหม????

แล้วอย่ามาทำเป็นดัจริตเรื่องคำพูดกู มึง ไอ้ หรือหมา เพราะคำเหล่านี้คนไทยทุกคนเคยผ่านปากมาแล้วกันทั้งนั้น ไม่สถุลกันทั้งประเทศเลยหรือ?

ไม่เคยเรียกเพื่อนกูมึงเลยหรือ??? เป็นผู้รากมากดีมาจากไหน

คนบางคนปากหวานแต่ก้นเปรี้ยว คนบางคนหน้าเนื้อใจเสือ คนบางคนปากอย่างแต่ใจอย่าง  และหลายๆคน ปากปราศัยแต่น้ำใจเชือดคอ

และอีกหลายคนที่มือถือสาก ปากถือศีล

บางคนสวมชุดกราวน์ แต่เบื้องหลังโกงชาติโกงแผ่นดินได้อย่างแนบเนียน อย่ามาทำเป็นปากดีเลย ไม่มี้ ไม่มี ฮ่าๆๆ อยากขำให้ฟันหลุดออกจากปากเลย กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง

เอาเป็นว่า ผมขำละกัน ที่คนไทยเกือบทั้งประเทศสถุลและอยู่ในสกุลต่ำในสายตาคุณที่พูดมึง กู หมาและไอ้ 

เห็นมาเยอะแล้ว เรียกคุณ ผม ท่าน นาย แต่ขอโทษ แผล็บๆๆๆ  ลับหลังด่าไม่มีชิ้นดีไม่เชื่อลองถามท่านปลัดกระทรวงดูดิ ว่าท่านเจอคนประเภทนี้เยอะแค่ไหน ฮ่าๆๆ

ที่คุณพูด เหมือนจะดูดี แต่ต้องพูดให้หมดด้วย

หมอนอนกินเงินเวร เหรอแล้วไง ก็เขาได้รับค่าตอบแทนแบบoncall และยังต้องรับผิดชอบ สุงสุด  จะมากระแนะกระแหน อือ ออ ตอนกลางคืนได้ประโยชน์รายและนั่นคือการปฏิบัตินอกเวลาราชการ

ทีนี้ผมถามกลับ dentoto นะ ช่วยตอบที

ในเวลาราชการที่คุณบอกว่า ทำงานในที่แคบ ปวดหลัง ใช้สายตามาก ( ซึ่งทุกสายงานเขาก็เป็นอย่างนี้หละ)

คุณใช้สิทธิ์อะไรในการปิดแผนก ok  คุณจะอ้าง เรื่องsterlile ของบ่าย วันหนึ่งในหนึ่งสัปดาห์  แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณหมดหน้าที่ในคนไข้ทั่วไป ที่ไม่จำเป็นต้องมีหัตถการ

โรงพยาบาลคุณเคยคิดมั้ยครับว่าถ้าปิดแผนกช่วงบ่าย (ตัวคุณบอกเองนะ ว่าไม่ต้องไปทำsterile เอง ) ต้องเอาทันตมาทำงาน opd ฟันในบ่ายวันนั้น ก็ตรวจเท่าที่ตรวจได้ซิครับ โดยไม่ต้องมีหัตถการ คุณเคยเสนอมั้ยครับ  ก็ในเมื่องานเอกสารเราทำกันนอกเวลาราชการได้อยู่แล้วหนิครับ ขอย้ำ แพทย์ เสนอให้ทันตแพทย์ มาตรวจโดยปราศจากการทำหัตการ ในช่วงบ่าย ที่ปิดแผนก  จะมีเทวดาซักองค์ มารอตรวจ opd บ้างมั้ย

ถ้าโรงพยาบาลคุณทำ ถือว่าที่ผ่านมาทั้งหมดผมขอโทษ

แต่ถ้าไม่มีโรงพยาบาลใหนทำ ถือว่า ยังมีสายงานหนึ่งในรพ หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยตรงต่อผู้ป่วย 0.5 วัน ใน 1 สัปดาห์ 2 วันใน 1 เดือน  นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเบี้ยเหมาจ่าย ที่คุณบอกว่าต้องยึดกับความขาดแคลน + พื้น ที่ขาดแคลน ในเวลาราชการ( ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัตินอกเวลาราชการ)  

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง

แพทย์ รักษาผู้ป่วย 20 วัน ทำการ ได้เบี้ยเลี้ยง 10000

พยาบาลรักษาผู้ป่วย 20 วันทำการ ได้เบี้ยงเลี้ยง 1200

เภสัช รักษาผู้ป่วย  20 วันทำการ ได้เบี้ยเลี้ยง 3000

ทันต รักษาผู้ป่วย  20-2 =18 วันทำการได้เบี้ยเลี้ยง 10000

เป็นธรรมมั้ย ไม่รู้แต่จะเอา  เอามาจากคำพูดของ dentoto พูดไว้ในthaiclinic มาแปะ ก็แล้วกัน

" มันมีกฏง่ายๆว่า ระเบียบหรือกฏอะไรที่มันไม่เป็นธรรม ก็ต้องทำให้มันวุ่นวายให้ปกครองไม่ได้ แล้วสุดท้าย ก็จะต้องยุบแล้วมาร่วมกันวางกฏวางเกณฑ์กันใหม่ " 

ที่พูดแบบนี้วิชาชีพแพทย์ดูดีมั้ย ตอบได้เลยว่า ไม่เลยครับ แค่อยากสื่อถึงหมอฟันที่เคารพทุกคน ถ้าคุณยังคิดว่าผมเป็นกัญยาณมิตรแล้ว

เชิญหมอฟัน หรือทุกสาขา ออกมาเม้นหน่อยที่ผมเสนอ

ให้ทันตแพทย์ มาตรวจopdโดยปราศจากการทำหัตการ ในช่วงบ่าย ที่ปิดแผนก   คิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ

dentoto นี่ นอกจากไม่มี  อินไซด์ แล้ว ยัง มี ภาวะ projectionด้วย นะ เอาเป็นว่าผมไม่ถือสาก็แล้วกัน ตัวเองคงคิดวางแผนใจในละซิครับ ถ้าdentoto มีวาสนาได้เป็นผู้บริหาร มีplan ในใจ ว่า จะหาทางทุจริตอย่างไร เลยออกมาเป็นคำพูดให้คนอื่นจับได้  นี่ถ้าคนอื่นจะคิดnegative กับคุณ เขาจะบอกได้ว่า เห็นมาตั้งแต่ยังตัวเองยังเป็นเด็กถึงคิดได้ละเอียดมีแบบแผนโอ้พระเจ้าช่วย

ผมคิดไม่ได้เท่าคุณจริง ๆ

เรื่องคำพูดหยาบ ต่ำ อย่างน้อยมีผมหนึ่งคนหละครับที่ไม่กล้าพูดและเพื่อนแพทย์ พยาบาล เภสัช ที่ทำงานด้วยกันก็ไม่เห็นพูดเลย

ฮ่าๆๆ ถามจริง คุณมองว่า การปฏิบัติงานในฐานะทันตแพทย์เนี่ย คือ ยูต้องทำฟันเท่านั้น จึงถือว่ายูปฏิบัติงาน อย่างนั้นหรือ???

you have to open up your eyes a little bit ,doc, that in the real world there are varities of jobs for a dentist who work as government official.

นอกจากงานรักษา ก็มีงานเอกสาร งานเบิกจ่าย งานคลังทั้งเวชภัณฑ์และวัสดุ และในบางคน งานบริหาร

ในส่วนการรักษาเอง นอกจากที่ฝ่ายฯแล้ว ก็งานโรงเรียน งานออกหน่วย  รวมถึงงานพิเศษอย่างงานทันตกรรมเคลื่อนที่

ทั้งนี้ ยังไม่รวมงานราษฎร์เช่น HA 5ส IC ENV และอีกร้อยแปด

เอาเป็นว่า ครึ่งวันที่ต้อง sterile เครื่องมือทั้งระบบ ฝ่ายมิได้กำหนดเอง มันเป็นมาตรฐานที่เขากำหนด และเขาทำกันทั้งประเทศ

และครึ่งวันที่มีการ sterile ทั้งระบบนั้น เขาไม่ได้ว่าง เขามีงานจิปาถะให้ทำ ไม่ว่าจะเป็น prepack  งานคลังซึ่งรวมถึงการตรวจนับยอดคงเหลือ การลงเอกสาร การเตรียมรายการที่ต้องสั่งเพิ่ม การเคลียร์ทะเบียนคนไข้ สถิติ งาน 5ส ประชุมฝ่าย โอ้ย จิปาถะ

ก็อยู่ที่แต่ละที่จะบริหารจัดการว่า หมอฟันจะทำอะไร ทันตาภิบาลจะทำอะไร ซึ่งในแต่ละที่คงไม่เหมือนกัน

ทีนี้ การทำงานเหล่านี้ ซึ่งเป็นงานเอกสารและการตรวจนับเป็นหลัก ไม่ได้ใช้อวัยวะทุกส่วนมาทำ ยังเหลือหูเหลือตา ก็เลยทำให้ส่วนใหญ่ ก็จะเปิดวิทยุ โทรทัศน์คลอตามไปด้วย จึงอาจเป็นจุดให้คนอื่นมองได้ว่า แหม ไม่ทำงาน นั่งฟังเพลง ดูหนังกันใหญ่

คือพูดกันตรงๆอ่ะนะ บางทีทันตานั่ง prepack ผ้าก๊อซเนี่ย เขาใช้แต่มือไง ตากับหูเขายังว่าง เขาก็คงไม่อยากเบื่อ ก็เลยสันทนาการด้วยการฟังเพลงหรือเปิดโทรทัศน์ ก็ในเมื่องานเดิน ทันตแพทย์ในฐานะหัวหน้าเขา จะไปว่าก็คงไม่งาม

หรือเวลาทำ 5ส มือก็ทำไปดิ แต่ตากับหูว่างเนี่ย ดูโทรทัศน์หรือฟังเพลง จะเป็นไรไป

เพราะผลการสำรวจที่ผ่านมาส่วนใหญ่ จนท ห้องฟัน ก็เป็น จนท ที่เฮฮาปาร์ตี้ที่สุดใน รพ อยู่แล้วนี่ ฮ่าๆๆๆ

โดยสรุป ไม่ได้ว่างอย่างที่คุณๆเข้าใจแน่นอน มันมีงาน เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบจากงานคลีนิคไปเป็นงานเอกสารและจิปาถะ

ถ้าเออ พอบ่ายนั้นหายหูดกลับบ้าน อย่างนี้ซิ เรียกว่า ไม่มีงาน  แต่นี่ แค่เปลี่ยนจากงานคลีนิคมาเป็นงานเอกสาร แล้วถามว่า งานของโรงพยาบาลไหม แน่นอนชัดเจนในตัว แล้วถามว่า ไม่ทำงาน????

แล้วถ้าฟังคำว่า sterile ทั้งระบบ ก็แปลว่า เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องต้องถูกลำเลียงไปนู่น ที่หน่วยงาน supply แปลว่าอะไร แปลว่า there is no more appliance at a dental room คือ ไม่มีเครื่องมือใดๆในการทำฟันหลงเหลือที่ห้องฟัน

จะเหลือแค่เพียง unit ทำฟัน ซึ่งในครึ่งวันนั้น จะต้องมีการ run disinfectants เข้าสู่ระบบท่อน้ำ เพื่อฆ่าเชื้อที่ค้างตามระบบท่อน้ำของ unit นั่นเอง

หมอฟันต่างจากหมอทั่วไปตรงที่ ไม่สามารถให้การรักษาใดๆได้ ถ้าปราศจากเครื่องมือ ซึ่งเริ่มตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยเลย

ในกระบวนการตรวจวินิจฉัยซึ่งเป็นขั้นแรกของกระบวนการตรวจรักษานั้น แค่เริ่มต้น หมอฟันก็ต้องใช้เครื่องมือถึง 6ชิ้นแล้วคือ 1tray  2 forcep 3 explorer 4 mouth mirror 5 gauge 6 dental unit

ก็ในเมื่อ dental unit กะลัง run disinfectants และอีกห้าอย่างที่เหลือไปอยู่ที่หน่วยงาน supply ถามว่า หมอฟันจะตรวจคนไข้ยังไง แล้วตรวจแล้วทำอะไรได้ แล้วมีประโยชน์อะไรที่จะทำอย่างนั้น

จึงเป็นที่มาของธรรมเนียมปฏิบัติที่เขาทำกันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะใน รพท รพศ รพช ที่จะต้องมีครึ่งวัน ที่ห้องฟันต้องปิดทำการทางคลีนิค เพื่อการทำ sterile ทั้งระบบ

ปิดบริการทางคลีนิค แปลว่าเฉพาะงานคลีนิคที่หยุดไป แต่งานด้านอื่นๆ มิได้หยุดตาม ดังนั้น ก็คือ ยังทำงานอยู่นั่นเอง ชัดเจนไหมครับ

คุณเอาเวลาไปดูการเปิด OR ใน รพช ดีกว่าครับ ว่าเปิดทำไม เปิดแล้วไม่ทำ  หรือเปิดเพราะให้แพทย์ที่มีเวร OR ได้พัก เขาเรียกว่า ว่างซ่อนรูปนะแบบนี้

ส่วนเรื่องเวร on call 550 บาทนั้น มี รพช ไหนเบิกเหรอ? เห็นขอเบิกกันแต่เป็นแบบเวรหรือผลัด 8 ชั่วโมง 1100 บาท ซึ่งแน่นอน กติกาชัดเจน ต้องตรวจทุกเคส แล้วคุณกล้าประกาศกร้าวตอนนี้ไหมว่า ไม่มีหมอซักคนใน รพช ประเทศนี้แล้ว ที่ไม่ขึ้นมาตรวจ ไม่ order by phone ฮ่าๆๆ คุณอาจจะโกหกคนภายนอกได้ แต่คุณโกหกคนที่ทำงานหน่วยงานเดียวกับคุณไม่ได้หรอก

เพราะถ้าไม่มีแบบนั้นจริง แล้วทำไมทุกวันนี้พยาบาลเขายังโวยวายอยู่เลยล่ะ ว่าแพทย์ได้เงินเยอะแต่ยังกินแรงพวกเขาอยู่ ฮะ ช่วยอธิบายหน่อยซิ แล้วทำไมยังมีกรณีการร้องเรียนแพทย์เรื่องไม่ขึ้นมาตรวจอยู่อีกเล่า เหอ?

นั่นนอกเวลานะน่ะ ได้เงินต่างหากจากเงินเดือนนะน่ะ ยังใช้พยาบาลทำแทน เฮ้อ คนเรา เหนื่อยมากเลยอยู่เวร บ่นตลอด ไม่รู้เหนื่อยอะไร สงสัยนอนเหนื่อย

ส่วนไอ้เรื่องวิธีการโกงเชิงระบบของพวกหมอๆเนี่ยนะ อย่าคิดว่าวิชาชีพอื่นเขาโง่ เขาไม่รู้ เขาไม่เห็น

เขารู้ เขาเห็น บอกได้เลย เพียงแต่เขาไม่อยากพูดเท่านั้นเอง เพราะเขาถือว่า เขาไม่อยากแกว่งเท้าหาเซี่ยน ขนาดอยู่ปกติ หมอมันยังกดหัวได้ขนาดนี้ ขืนไปยุ่งเรื่องผลประโยชน์ สงสัยอนาคตที่ รพ แห่งนั้นคงดับวูบ  เอาสรุปแล้วกันว่า จนท อื่นเขารู้ ว่าพวกคุณมีวิธีการกินซ่อนรูปกันอย่างไร

หรือคุณจะเถียงว่า การที่คุณเอาเงินภาษีประชาชนไปซื้อยาบางตัวมาเกินความจำเป็น แล้วเร่งระบายด้วยการจ่ายให้คนไข้โดยไม่จำเป็น มันไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง

คำว่าผลประโยชน์ เดี๋ยวนี้ มันไม่ได้มีความหมายแค่ตัวเงินเท่านั้น อะไรก็ได้ ที่ทำให้พวกคุณได้มากกว่าคนอื่น ในทางมิชอบ นั่นหล่ะ ผลประโยชน์

ได้ไปประชุมฟรี ได้กินฟรี ได้พักฟรี ได้เที่ยวฟรี ของกำนัล ของขวัญ ของเป็นชิ้นๆ

เหล่านี้ คุณใช้เงินส่วนรวม เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ถามว่า โกงมะ??? คอรัปชันมะ?

วิธีการที่ร่ายมา ทำไม ตกใจเหรอที่คนอื่นเขารู้ทัน เขามิได้หูหนวก ตาบอดนะครับคุณหมอ ฮ่าๆๆๆ

พวกคุณลองไปฟังพวกดีเทลยาพูดถึงพวกคุณเถอะ แล้วคุณจะรู้ ว่าสังคมพวกคุณในระบบราชการมันเละขนาดไหนในเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงพวกนี้

ผมว่าคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ผมพูดมันมีอยู่จริง และมากด้วย เพียงแต่ ณ ตอนนี้ คุณอยากเถียงเอาชนะ คุณเลยแกล้งทำเป็นไม่เห็น ซึ่งด่าไปเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก ผมแค่ต้องการสะท้อนแค่ว่า วิชาชีพใคร ก็ทำหน้าที่วิชาชีพตนเองไป ไม่ต้องพาดพิงคนอื่น เพราะถ้าจะด่าจะแฉกันแล้ว มันส์ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

คุณไม่สงสัยเหรอว่าทำไมหลายๆโรงพยาบาลถึงมีการบริหารแล้วในท้ายที่สุด เป็นหนี้อยู่ชั่วนาตาปี  ทั้งๆที่ สปสช ย้ำแล้วย้ำอีกว่าที่จ่ายไปต่อหัวน่ะพอ

คุณลองลงไปดูในรายละเอียดของการใช้จ่ายงบประมาณซิ แล้วคุณจะรู้ ว่าพวกแพทย์เอาเงินไปถลุงในเรื่องอะไรบ้างที่ไม่มีความจำเป็น เช่น ซื้อยาอะไรมากไปไหม จ่ายยาอะไรเกินจำเป็นมากไปไหม สร้างอะไรมากไปไหม หรือซื้ออะไรบางอย่างมากไปไหม และที่ซื้อที่ทำไป เพื่ออะไร หวังอะไรลึกๆหรือ

แล้วถ้าไม่ทำสิ่งเหล่านั้น คุณมั่นใจเถอะ ว่าเงินที่เขาให้มาต่อปี พอ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง ค่ายา ค่าบริหารจัดการทุกอย่าง พอ ยืนยัน นั่งยัน

แล้วถ้าคุณจะติดสมมติว่าคำไหนสูง คำไหนต่ำ ก็ตามใจละกัน ผมไม่ดัจริตตามไปด้วยหรอก แต่เอาเป็นว่า กู มึง หมา ไอ้ เนี่ย เขาพูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ถ้าคุณจะยืนยันว่าเขาไม่พูดกัน ก็ตามใจ คงไปห้ามคิดแบบนั้นไม่ได้

แต่ที่ผมมั่นใจก็คือ ถ้าคุณจะ grading ผมว่า การพูดแบบนี้ต่ำ อย่างน้อยผมก็ยังอุ่นใจว่าทุกวันนี้ในโทรทัศน์ ในชีวิตประจำวัน ผมได้ยินคำเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ก็ดีครับ มีเพื่อนต่ำๆอยู่เต็มประเทศ ผมอุ่นใจ ผมเป็นคนยอมรับความจริงครับ อะไรที่จริงก็คือจริง อะไรที่ไม่จริง ก็บอกไม่จริง

แต่มีกลุ่มคนบางประเภท ที่ของบางอย่างมีอยู่จริง แต่กล้าพูดกล้าปฏิเสธแบบหน้าตายว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง โดยไม่รู้ว่า คนส่วนใหญ่กลุ่มอื่นเขาก็รู้ว่ามันมีจริงๆ ในกลุ่มคนบางประเภทกลุ่มนั้น 

วันนี้ผมอารมณ์ดีจัง ได้สะท้อนภาพเน่าๆของคนที่คิดว่าตัวเองวิเศษวิโส เหมือนที่โบราณสอนจริงๆ ข้างนอกสุกใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง ฮ่าๆๆ

เอาเป็นว่า ผมขำละกัน ที่คนไทยเกือบทั้งประเทศสถุลและอยู่ในสกุลต่ำในสายตาคุณที่พูดมึง กู หมาและไอ้ 

บอกตามตรงเสียดายที่คุณdentotoเอาตัวคุณไปเปรียบกับคนไทยทั้งประเทศ ในเรื่องการใช้คำพูดที่สุภาพ มันไม่ดีตรงใหนที่คนที่เรียกตัวเองว่าปัญญาชน(รับเงิน พตส10000 มาชาติเศษ)พูดจาสุภาพ หรือทันตแพทยสภาไม่มีกฎเกณ ว่าด้วยการเจารจาสื่อสารว่าต้องมีความสุภาพ  หรือคิดว่าว่าสายงานตัวเองเสี่ยงต่อการฟ้องร้องน้อย จะพูด ขึ้นมึง กูได้ ยังไงก็ได้ คุณมีอคติกับหมอบางคน แต่ไม่ได้แปลว่าคุณต้องพูดคำหยาบนะครับ ผมถึงบอกงัยว่าผมไม่เชื่อว่าคุณได้ พตส 10000 เพราะถ้าคุณอยู่ในสถานะนั้นแสดงว่าคุณอยู่ในระดับsubspecialistทางทันตกรรมไปแล้ว การที่คุณเรียนมาสูง ผมเข้าใจว่าสถาบันคุณย่อมหล่อหลอมให้คุณมีระดับแห่งการพูดที่ดีกว่าการศึกษาที่ต่ำกว่าคุณเช่นผม ( หมอ gpธรรมดา) กาลกลับกลายเป็นว่า dentotoกลับเอาตัวเองไปเปรียบกับคนไทยทั้งประเทศ จะจบป 1 ม3ม6 ปริญญา หรือไร้การศึกษา แล้วยึดว่าคนเหล่านั้นยังพูดได้ ฉันก็มีสิทธิ์พูดเหมือนกัน

ก็แล้วคนบ้าไป ฆ่าคนอื่น กฏหมายบัญญัติไว้ว่ามีความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษเพราะวิกลจริต  คุณจะเลือกไม่ฆ่าคนอื่น ด้วยเหตุผลที่ว่าคนบ้าก็ทำได้ทำไม dentotoจะทำบ้างไม่ได้ มั้ยหละครับ 

ขอท้าอีกครั้ง

 ช่วยเป็นธุระให้หน่อย ร่วมด้วยช่วยแฉ คนที่ทำทุจริต  ทำเอกชนแต่รับเงินหมื่น จะได้ช่วยกำจัดเหลือ..ในวิชาชีพซะที แต่ถ้าคุณไม่บอกคุณนั่นแหละที่เป็นเหลื.. เกาะกินวิชาชีพอยู่ร่ำไป รู้อยู่แก่ใจว่าคนอื่นไม่ถูกต้องแต่ตัวเองนิ่งดูดาย ไม่แมนเลย  นี่ใช้แค่คำว่าหน้าที่พลเมืองดีนะครับ ถ้าเป็นข้าราชการก็ต้องมีวินัย ถ้ารู้แล้วยังเฉยถือว่าถือว่าตาม ม157 นะครับ

ขอท้าอีกครั้ง ช่วยบอกเพื่อนทันต ออกมาแสดงความเห็นหน่อย

ที่ผมเสนอ

ให้ทันตแพทย์ มาตรวจopdโดยปราศจากการทำหัตการ ในช่วงบ่าย ที่ปิดแผนก   คิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ

พี่หมออย่าไปเถียงกับ หมอฟันเลย อ่านแล้วคนละ spicy/class อ่ะ  ดูไร้ค่าป่าวๆ

พี่ทันตะ สถุนจิงๆ   ม่ายใช่ webboard ขายหนังโป๊นะเพ่ โพสอะรายหัดใช้สติ +สมองบ้าง รู้มั้ยมันน่าสมเพศ

โถ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ความรู้เจ้ายังด้อยเร่งศึกษา หัดจะพูด species ไม่แหกตา ปล่อยไก่มาว่า spicy อายตายเลย ฮ่าๆๆๆ

น้อง นศพ พี่คิดว่า หนูเอาเวลาไปสมเพชวิชาชีพตัวเองที่ตกต่ำอย่างหนักในตอนนี้เถอะ ถูกร้องเรียนอย่างต่อเนื่องรุนแรง

หนูยังเด็ก หนูยังมองโลกในแง่ดี แต่หนูเชื่อเถอะ ว่าสิ่งที่พี่ทันตะคนนี้สะท้อนวิชาชีพของหนูออกมาเนี่ย เป็นเรื่องจริงที่มันเน่าในอยู่ภายในวิชาชีพของหนูเองนะจ๊ะ

คนที่สถุน ไม่ใช่คนที่พูดแข็ง พูดไม่เพราะหรอก หนูยังเด็กนัก เลยมองคนแข็งว่าสถุน

แต่สำหรับคนที่ผ่านโลกมาเยอะ คนที่เอาเปรียบคนอื่น กินแรงคนอื่น คนที่โกงกินเงินภาษีของประชาชน คนที่คอรัปชันเชิงนโยบาย คนเหล่านี้ต่างหากที่สถุน นะจ๊ะ

ผมว่าพี่เรียนแต่เรื่องฟันอ่ะ ระบบงานของหมอน่าจะซับซ้อนมากกว่าทันตะอ่ะ  ทุกอวัยวะนะพี่ ตั้งแต่ หัวใจ สมอง อวัยวะที่สำคัญทั้งนั้นเลย   และคนไข้ก้อหนักด้วย  ไม่ใช่ปวดฟันอย่างเดียวอ่ะครับ

อ้อ Spicy ผมไม่อายครับ เพราะข้อสอบ Onet ของผมเป็นข้อสอบช้อยส์ครับ ผมไม่ care ครับ    

อ้อ วิชาภาษาไทยผมทำคะแนนได้ 70 up ครับ ผมมีวิจารณญาณพอว่า สารใดเป็นของคนโง่ สารใดเป็นของคนมีปัญญาครับ ไม่ต้องมาสั่งสอน  คิดเองได้ ครับ

อ้อ ขอโทษนะพี่ทันตะที่เขียน species ผิด พอดีอ่านข้อความที่พี่ พรรณนา +สาธายาย+ poor insight โคตรๆ ในจิตใจที่ดีงามสุดๆของพี่ครับ  

จะทะเลาะกันทำไม ที่รพ.หมอฟันกับหมอก็รักกันดี แต่อาจมีงอนกันบ้างเพราะเป็นแฟนกัน 555

โถเด็กน้อย.... โถๆๆๆๆ

ทันตแพทย์ไม่ได้เรียนแต่เรื่องฟันหรอกนะจ๊ะ น้องจ๋า

ในชั้น preclinic ทันตแพทย์เรียนตั้งแต่ gross anatomy ยัน neurology หล่ะจ่ะ

pharmacology ก็เรียนนะจ๊ะ

anatomy ก็ผ่าตั้งแต่กะโหลกยันไปถึง gluteus maximus น่ะจ่ะ

เอ๊ะ พี่ต้องเอา course syllabus มานั่งแจงให้ดูด้วยหรือเปล่า ว่าพี่เรียนอะไรมา ฮ่าๆๆๆ

เอาเป็นว่า พี่เป็นหมอเฉพาะทางด้านช่องปากนะจ๊ะ ชื่อปริญญาคือ DDS ย่อมาจาก Doctor of Dental Surgery

เรียนและจบมาด้านช่องปาก น้องจะให้พี่ไปทำช่องตูดหรือจ๊ะ

ระบบงานของหมอหรือหมอฟันมันก็เหมือนกันนั่นหล่ะจ่ะ เพราะในกระบวนการรักษา มันเริ่มตั้งแต่การซักประวัติ ไม่ว่าจะ past หรือ present ประวัติการใช้ยา การแพ้ยา  ประวัติครอบครัว จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการตรวจวินิจฉัย ไม่ว่าจะตรวจทาง physical หรือทาง labolatory แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการวินิจฉัย จนไปสู่กระบวนการรักษาและติดตามผล   กระบวนการไม่เหมือนกันหรือ  หรือของแพทย์ทั่วไป มีกระบวนการอะไรวิจิตรพิสดารกว่านี้หรือจ๊ะน้องจ๋า

กระบวนการเนี่ย เหมือนกันหล่ะจ่ะ เพราะนำไปสู่ผลสุดท้ายเหมือนกัน คือ คนไข้หายจากโรค

โรคมันก็แบ่งประเภทใหญ่ๆได้เป็น โรคติดเชื้อกับโรคทางระบบ โรคในช่องปากก็มีทั้งสองประเภทนี่จ๊ะ หรือทางแพทย์ทั่วไป เขามีโรคอะไรเพิ่มเติมมาอีก

กระบวนการรักษา ก็ถ้าไม่ใช้ยา ก็ทำหัตถการ เอ๊ะ ทางทันตกรรมเขาก็มีกระบวนการรักษาทั้งสองแบบนี่จ๊ะ แต่ที่เน้นๆ ก็หัตถการซะเป็นส่วนใหญ่นะจ๊ะ

หนูเคยฟังนิทานเรื่องตา หู แขน เท้า แย่งกันสำคัญไหมจ๊ะ ตอนท้ายเรื่องเขาสรุปว่ายังไงนะจ๊ะน้องจ๋า

เขาสรุปว่า ทุกอวัยวะไม่มีใครสำคัญกว่าใคร ต้องพึ่งพาพึ่งอาศัยกันไม่ใช่หรือหนู

หนูเคยปวดฟัน หนูเคยปากบวมจากการติดเชื้อในช่องปากไหม หรือหนูเคยมีฟันคุดไหม หรือหนูเคยรถคว่ำกรามหักมาไหม หรือหนูเคยลิ้นยึดกับ floor of mouth ไหม หรือหนูเคยเห็นคนเป็น cleft lip ,cleft palate ไหม หนูคิดว่าสิ่งเหล่านี้ ถ้ามีหรือเป็นแล้ว คุณภาพชีวิตหนูจะดีไหม หรือในบางคนที่ปวดบริเวณใบหน้าเพียงแค่ลมพัดผ่านจากอาการ trigeminal neuralgia หนูเคยเห็นไหมว่าคุณภาพชีวิตเขาเป็นอย่างไรถ้าไม่มารักษา หรือแม้แต่คนที่นอนกัดฟันเรื้อรังจนนำไปสู่การปวด TMJ  เหล่านี้ หนูคิดว่าคุณภาพชีวิตเขาจะดี???

ในทางการแพทย์หนูไม่ได้รักษาแต่กายนะหนู คุณภาพชีวิตก็สำคัญ  ซึ่งในกระบวนการรักษาทางทันตกรรม ก็มีทั้งการรักษากายควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ไม่เหมือนแพทย์ทั่วไปตรงไหน

หนูรู้ไหมว่าการทำฟันในคนไข้เบาหวาน ความดันมีความเสี่ยงอะไร แล้วถ้าหมอฟันไม่มีองค์ความรู้ด้านโรคทางระบบรักษาไปโดยไม่ดู จะเกิดอะไรขึ้น

ในกระบวนการรักษาทางทันตกรรมมีการกระจายและปนเปื้อนเชื้อตลอดเวลา ถ้าหมอฟันไม่มีองค์ความรู้ด้าน infection control หนูรู้ไหมจ๊ะ ว่ามันจะมีผลเสียร้ายแรงแค่ไหน

หนูรู้ไหม ว่าถ้าคนไข้ทางระบบที่กินยาหลายตัวมาทำฟัน แล้วหมอฟันไม่มีองค์ความรู้ด้าน pharmacology มันจะเกิดอะไรขึ้น

หนูรู้แค่ว่าหมอฟันคือทำหมอที่ทำฟัน หนูรู้แค่ว่า ฟันก็คือฟัน อันเล็กๆ จะมีความหมายอะไรมากไปกว่าหัวใจหรือสมอง แต่หนูไม่รู้หรอกว่า คนที่มีชีวิต แต่ขาดคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะเกี่ยวกับฟัน มันเป็นอย่างไร หนูรู้ของหนูแค่นั้นจริงๆ

โรคในช่องปากมันมีอะไรซับซ้อนมากกว่าแค่ที่หนูรู้นะหนูจ๋า

ถ้าหนูว่าแพทย์หนูซับซ้อนเหลือเกิน พี่ว่าเภสัชกรที่ศึกษาโครงสร้างโมเลกุลสารเคมีเพื่อนำมาผลิตยา หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาโครงสร้างนาโนเพื่อนำมาผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เขาทำงานซับซ้อนกว่าแพทย์เยอะ แต่คนเหล่านั้น ไม่เห็นมีใครเขาออกมาเรียกร้องความสำคัญของตนเองเลย

นี่ขนาดน้องยังไม่จบแพทย์ ยังบ่มเพาะอัตตาว่าตน ว่ากลุ่มตนสำคัญได้ขนาดนี้แล้ว จนมองวิชาชีพอื่นว่าด้อยค่ากว่าตน รู้น้อยกว่าตน แล้วถ้าน้องจบแพทย์มา อัตตาน้องจะสูงขนาดไหน พี่ชักสงสัยแล้ว

น้องจ๊ะ สังคมมนุษย์เนี่ย มันขาดวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่ง หรืออาชีพใดอาชีพหนึ่งไปไม่ได้หรอกนะจ๊ะ

และในสังคมมนุษย์ คนทุกคนคือฟันเฟืองในการขับเคลื่อนสังคม ไม่มีกลุ่มใดสามารถขับเคลื่อนสังคมไปได้โดยไม่พึ่งพิงคนอื่นหรอกนะจ๊ะ

พี่อยากสอนน้องอย่างนึงว่า แพทย์  ถ้าไปจ่ายตลาด ก็คือลูกค้า  ถ้าไปเที่ยว ก็คือนักท่องเที่ยว ถ้ากลับบ้าน ก็คือลูกของพ่อแม่ และถ้าไปโดนรถชน ก็เป็นแค่ คนไข้ หวังว่าจะสะกิดใจน้องนะ

ขอเสริมอีกหน่อย เวลาหนูจบแพทย์มาใหม่ๆเป็น GP เนี่ย หนูก็รักษาโรคได้ในระดับหนึ่ง โรคนี้นิด โรคนั้นหน่อย มิใช่หนูจบหกปีมาปั๊บ หนูจะเป็นสัพพัญญูรู้ลึก รู้จริงทุกอวัยวะ

คนไข้เส้นเลือดหัวใจตีบมาใกล้ตายละ ยังไง GP อย่างหนูจะ balloon เลย หนูทำเองที่ รพช เลย ไม่ส่งต่อเลย อย่างนั้นหรือ

หนูต้องเรียนต่อเฉพาะทางนะลูก หนูถึงจะรู้ลึก รู้จริง และการรู้ลึกรู้จริง มันก็จะมีแค่กลุ่มอวัยวะเท่านั้น ไม่ใช่หนูจะเอกทัคคะไปทุกด้าน เพราะไม่งั้นหมอ neuro ก็คงทำเองหมด ไม่ต้อง consult หมอ ortho แล้ว

หมอฟันก็คือ หมอที่ศึกษาลึกที่ช่องปากและใบหน้า  แต่ถึงจะเน้นมาแล้ว ก็ยังต้องต่อ specialist อีก ถึงจะทำให้ลึกยิ่งขึ้นไปอีกได้ ฉันใดฉันนั้น แพทย์ทั่วไปก็เช่นกัน

หนูเรียนหัวใจมา หมอฟันเขาก็เรียนหัวใจ หนูเรียนสมองมา เขาก็เรียนมาเหมือนหนู แต่เพราะกาลเวลาที่ผ่านไป ไม่ได้ไปเกี่ยวดองหนองยุ่งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันย่อมเลือนลางและลืมไป

เหมือนถ้าเด็กแพทย์ปี 2 ไปถามหมอที่จบมาซักห้าปีว่า พี่ ไอ้เจ้า cribiform plate of ethmoid bone อยู่ตรงไหน มีความสำคัญอย่างไร จะมีซักกี่คนที่ตอบหนูได้ล่ะจ๊ะ

หลายเดือนก่อน แพทย์ที่ opd ก็ส่งเคสมาเคสหนึ่ง หญิงวัยกลางคนอายุซัก 65 มาด้วยอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณใบหน้า แค่ลมพัดก็สะดุ้งแล้ว ก็ส่งมาให้ผม treat ท้ายที่สุด ผมซัก ผมตรวจ ก็สรุปว่าเป็น trigeminal neuralgia แล้ว treat med ไป เดือนสองเดือนอาการเขาก็ทุเลาลงจนแทบจะปกติ

ผมต้องเดินไปบอกแพทย์ท่านนั้นไหม ว่าเรียนมายังไงว่ะ trigeminal neuralgia treat ไม่เป็น ต้องส่งมาให้หมอฟัน

หรือก่อนหน้านั้นซักสองปี ส่งคนไข้มาคน เป็นชายอายุซัก 45 มีประวัติสูบบุหรี่จัด มาด้วยอาการขากรรไกรบวมจนหน้าเสียรูปไปข้าง ไม่มีอาการเจ็บ ให้ประวัติว่าค่อยๆบวม แต่ไม่เจ็บเลยไม่สนใจ จนปล่อยให้มันขยายใหญ่จนหน้าเสียรูป ก็ส่งมา

ผมก็ตรวจ แล้วจับ x-ray สุดท้ายก็สรุปว่าเป็น ameloblastoma ก็เขียน refer ส่ง รพท ให้พี่ dent ที่เขาจบ maxillo ทำ สุดท้าย คนไข้นั้นก็ต้องตัด jaw และยึดด้วยโลหะ

เนี่ย แบบนี้ ผมต้องเดินไปหาแพทย์ท่านนั้นไหมแล้วบอก เรียนมายังไงเหรอ ถึงไม่รู้จัก ameloblastoma ต้องส่งมาให้หมอฟันวินิจฉัย

หรืออีกกรณี คนไข้มาด้วยอาการปวดบริเวณใบหน้าจนถึงขมับเรื้อรัง เคยไปตรวจและกินยาหลายครั้งแล้วไม่หาย สุดท้าย opd ส่งมาห้องฟัน ซักไปตรวจไป สรุปว่ามีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว เพราะเป็นคนชอบนอนกัดฟัน สุดท้ายทำ splint ให้ไปใช้ใส่ตอนนอนหลังจากนั้นสามสี่เดือน เรียกมา recheck อาการปวดขมับและใบหน้าทุเลาจนเกือบหาย

ยกตัวเองมาเพื่อให้คุณน้องเห็นว่า หมอฟัน มิใช่แค่ฟัน แต่เพราะ common case มันมาแต่ฟัน เลยทำให้คนนอกรู้สึกว่า ทำเป็นแต่ฟัน

หวังว่าคงพอเห็นภาพ

ครับ ผมเป็นเด็กบ้านนอกครับ ไปใช้บริการทันตสุขภาพที่โรงบานอำเภอ ตั้งแต่ถอนฟัน  ขูดหินปูน อุดฟัน เป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุขครับ  ม่ายเคยเห็นทันตแพทย์ ครับ

อ้อ ลืมไป ถ้าแน่จริงไปสั่ง IV ATB ให้เป็นก่อนอ่ะครับ

 อุตส่าห์เรียนตั้ง pharmacology,pharmacodynamic,

pharmacokinetic     

อ้อไป serch มาจาก net ครับ 

Ameloblastoma =  a rare, benign tumor of odontogenic epithelium (ameloblasts, or outside portion, of the teeth during development) much more commonly appearing in the mandible than the maxilla

--> มันก้อ odontogenic + rare เป็นโรคของทันตแพทย์ที่หายากอ่ะ แพทย์วินิจฉัยไม่ได้ไม่เห็นแปลกครับ แต่แปลกม๊ากมากตรงที่ ทันตะสั่ง IV ATB ม่ายเป็นอ่ะครับ(reference พี่หมอ)

เชื่อแล้วครับว่าทันตะเก่งกว่าแพทย์เรียนมามากกว่าครับ

anatomy ก็ผ่าตั้งแต่กะโหลกยันไปถึง gluteus maximus น่ะจ่ะเอ๊ะ พี่ต้องเอา course syllabus มานั่งแจงให้ดูด้วยหรือเปล่า

ANS :  ม่ายต้องครับ เพราะ gluteus maximus พี่ไม่ต้องเรียน พี่ก้อชำนาญ ผมคิดว่าทายไม่ผิดครับ    

----------------------------

หนูเคยฟังนิทานเรื่องตา หู แขน เท้า แย่งกันสำคัญไหมจ๊ะ ตอนท้ายเรื่องเขาสรุปว่ายังไงนะจ๊ะน้องจ๋า

ANS.ไม่เคยฟังครับ ฝากพี่เอาไปเล่าสายพันธุ์โง่โง่ ของพี่ตามสบายเหอะครับ   ระดับผมต้องอ่านสามก๊กครับ 

---------------------------

ถ้าน้องจบแพทย์มา อัตตาน้องจะสูงขนาดไหน พี่ชักสงสัยแล้ว

ANS : ม่ายต้องสงสัยครับ   

 คนเราจะดำเนินชีวิต ต้องใช้สติ + ปัญญา + เหตุผล    

ไม่ใช้อารมณ์เป็นหลักครับ ซึ่งผมคิดว่าเหนือกว่าพี่ครับ

ไม่ต้องมาแส่  

----------------------------

คนไข้เส้นเลือดหัวใจตีบมาใกล้ตายละ ยังไง GP อย่างหนูจะ balloon เลย หนูทำเองที่ รพช เลย ไม่ส่งต่อเลย

ANS.รู้ว่า balloon มีเฉพาะเอกชน ครับ.. ……รู้ว่าถ้าเป็น STEMI   ก้อให้ Streptokinase or rt PA ครับ ถ้ามียา    

ก้อให้ไปเลย          ผมว่าพี่ม่ายรู้จิงอย่าพูดดีกว่า  อายพวกหมอป่าวๆ

--------------------------

เรียนมายังไงเหรอ ถึงไม่รู้จัก ameloblastoma ต้องส่งมาให้หมอฟันวินิจฉัย

ANS : อ้าว แล้วทันตะวินิจฉัย atrial myxoma,pheochromocytoma,pituitary adenoma ,VIPoma,thymoma

ได้เหรอครับ           

------------------------------

หนูรู้ไหมว่าการทำฟันในคนไข้เบาหวาน ความดันมีความเสี่ยงอะไร

ANS : ก้อไม่ต้องรักษาฟันดิ 

เพราะปวดฟันไม่ทำให้ตายอ่ะ  ส่วนความดันกับเบาหวานส่งให้หมอรักษา เพราะสองโรคนี้ความดันทำให้เส้นเลือดในสมองแตก

เบาหวานทำให้ shock อ่ะ  ตายได้นะครับ ใครจะให้หมอฟันรักษาอ่ะ

เอาเป็นว่า พี่เป็นหมอเฉพาะทางด้านช่องปากนะจ๊ะ ชื่อปริญญาคือ DDS ย่อมาจาก Doctor of Dental Surgery

เรียนและจบมาด้านช่องปาก น้องจะให้พี่ไปทำช่องตูดหรือจ๊ะ

ANS : ทำทางช่อง anal  คิดว่าเป็นอดิเรกของพี่ครับ  วันนี้พี่คงไม่ทำอ่ะ จึงพล่ามทั้งวัน   

ส่วน DDS เนี่ยกระจอกครับ    

หนูเอาเวลาไปสมเพชวิชาชีพตัวเองที่ตกต่ำอย่างหนักในตอนนี้เถอะ ถูกร้องเรียนอย่างต่อเนื่องรุนแรง

ANS : ม่ายจริงครับ เพื่อนห้องคิงที่เตรียม ยังคงเลือกแพทย์เป็นอันดับหนึ่งครับ  ข่าวโคมลอยมีเพื่อ psycho เพื่อนด้วยกันครับไม่ให้เลือกแพทย์ แต่เสียใจครับ  

หนูยังเด็ก หนูยังมองโลกในแง่ดี แต่หนูเชื่อเถอะ ว่าสิ่งที่พี่ทันตะคนนี้สะท้อนวิชาชีพของหนูออกมาเนี่ย เป็นเรื่องจริงที่มันเน่าในอยู่ภายในวิชาชีพของหนูเองนะจ๊ะ

คนที่โกงกินเงินภาษีของประชาชน คนที่คอรัปชันเชิงนโยบาย คนเหล่านี้ต่างหากที่สถุน นะจ๊ะ

Ans : แน่จริงหาหลักฐาน พยาน มาดิแล้วไปฟ้องศาล

ดังนั้น เพื่อนผมทั้งในวิชาชีพ นอกวิชาชีพ และนอกวงการ ผมจึงมักเลือกคบคนที่ตรงไปตรงมา คิดอย่างไร สื่อมาอย่างนั้น

ANS : เหมือนกับผมครับ  ถ้าคนไหนเชี่ยมา ผมก้อเชี่ยกลับครับ

---------------------------------------------------------                

ความเห็นที่ 47 (2957105)

ไม่อยากรู้ครับ  ไม่ต้องบรรยายมาเป็นหน้ากระดาษ เพราะทุกคณะที่เกี่ยวกับแพทย์ก้อเรียนวิชาพวกนี้เหมือนกันครับ   

ความเห็นที่ 40 (2957071)

ผมว่าพี่เรียนแต่เรื่องฟันอ่ะ

หนูสับสนอะไรในตัวหนูเองหรือเปล่าลูก  หนูว่าพี่เรียนแต่เรื่องฟัน พี่ก็ชี้แจงว่าพี่มิได้เรียนแต่เรื่องฟัน แต่เรียน หนึ่ง สอง สาม สี่ แล้วมาบอกตอนหลังว่าไม่อยากรู้ พี่ว่าหนูสับสนนะลูก

อย่าง gross anatomy นี่ พี่ก็ผ่าศพนะลูก เรียนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาชีทมานั่งท่องๆอย่างเดียวแล้วจบ แล้วทุกวิชาในพรีคลีนิค มีแลบควบแทบจะทุกวิชานะลูก

ปีหนึ่งถึงปีสามเรียนวิชาพื้นฐานทางการแพทย์เป็นหลักนะ วิชาภาคนี่ซักสามสี่สิบเปอร์เซ็นต์น่าจะได้ด้วยซ้ำ

ไม่ได้จะโชว์พาวอย่างที่หนูเข้าใจหรอก แต่เห็นหนูเข้าใจอะไรผิดไปจากความเป็นจริง พี่มาชี้แจงให้รู้นี่เรียกว่าเป็น Schizophrenia??

แล้วพฤติกรรมสับสนในตัวเองของหนูล่ะ เข้าใจอะไรไปอย่าง พอรู้ความจริงกลับรับไม่ได้ แสดงพฤติกรรมต้านมาอีกอย่าง พฤติกรรมแบบนี้ ช่วยพี่diag ซิลูก ว่าอย่างหนูเรียกว่า disorder of what?