อนาคตสาธารณสุข ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11582 มติชนรายวัน เล็งยุบก.พ.ร. นายกฯอ้างภารกิจซ้อนก.พ. เป็นหน่วยงานชั่วคราว ครม.ตีกลับแผนผ่าสธ. ให้องค์กรปฏิรูปกันเอง ครม.ตีกลับแผนปฏิรูปราชการเฟส 3 ไม่รับข้อศึกษาปรับโครงสร้าง"สธ." "วิทยา"ค้านแยกส่วน รพ.ให้ท้องถิ่นดูแล บอกนายกฯเห็นควรยุบ ก.พ.ร.งานทับซ้อน ก.พ. "มาร์ค"ขอดูเอง นัด 2 หน่วยเกี่ยวข้องถกใน 3 สัปดาห์ เลขาฯ ก.พ.ร.รีบเคลียร์ปลัด สธ. อ้างแค่ตั้งตุ๊กตาเฉยๆ โยนทุกหน่วยงานทำแผนปรับภารกิจเสร็จใน 6 เดือนก่อนชง ครม.ใหม่ คาดหั่นงบฯหลวงได้ 9.8 แสนล้านใน 5 ปี คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่รับข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ที่เสนอให้ปรับโครงสร้างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยโอนย้ายโรงพยาบาลศูนย์ในสังกัด สธ. ไปสังกัดมหาวิทยาลัย ปรับสถานะโรงพยาบาลทั่วไปเป็นองค์การมหาชน และโอนสถานีอนามัย (สอ.) ไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ว่า ครม.ไม่รับข้อศึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างของ สธ. ตามที่ ก.พ.ร.เสนอให้มีการปรับโครงสร้างกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะส่วนของ สธ.ที่ เสนอให้โอนย้ายโรงพยาบาลศูนย์ไปสังกัดมหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ โรงพยาบาลทั่วไปให้เป็นองค์การมหาชน และให้กรมและกองบางส่วนมีเอกชนเป็นผู้ดูแล โดย ครม.ให้แต่ละกระทรวงกลับไปพิจารณาภายในหน่วยงานให้ลดภาระค่าใช้จ่าย "นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ยังมีความเห็นควรยุบ ก.พ.ร. เนื่องจากตั้งเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจ ที่ดูแลด้านการปฏิรูประบบราชการ หากยังคงสภาพอยู่นานอาจมีการทับซ้อนหรือเบียดบังการทำงานกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)" รัฐมนตรีว่าการ สธ.กล่าว นายวิทยากล่าวว่า มอบหมายให้ นพ. ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. ตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาการปรับโครงสร้างของกระทรวงให้มีความเหมาะสม เกิดความสมดุลระหว่างกำลังคนและลักษณะงาน เบื้องต้นมีหลักในการพิจารณา 2 เรื่อง คือ 1.ในส่วนของเจ้าหน้าที่ภาคปฏิบัติ คือ บุคลาการทางการแพทย์ทุกวิชาชีพด้านสาธารณสุข ให้ปรับเพิ่มตำแหน่งให้เพียงพอกับจำนวนประชากร 2.ตำแหน่งบริหาร ให้ยุบตำแหน่งที่ไม่จำเป็น หรือซ้ำซ้อนกันออก เพื่อนำตำแหน่งไปเพิ่มให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติแทน ที่ผ่านมาทุกกระทรวงยุบตำแหน่งระดับปฏิบัติทิ้งไปเพื่อเอาไปเพิ่มให้ในส่วนของตำแหน่งบริหารซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิด "สธ.ควรจะเพิ่มกรมขึ้นอีก 1 กรม โดยผลักดันให้สถาบันพระบรมราชชนก ขึ้นเป็นกรม เพื่อรับผิดชอบเรื่องการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เป็นต้น ให้บริหารจัดการเบ็ดเสร็จได้ภายในหน่วยงานเดียว เพราะปัจจุบันสถาบันพระบรมราชชนกดูแลเรื่องการผลิตพยาบาลอยู่แล้ว แต่นักศึกษายังต้องไปรับปริญญาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ ขณะนี้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนกเพื่อยกเป็นกรมอยู่แล้ว การเปลี่ยน แปลงโครงสร้างบริหารกระทรวง จะต้องศึกษาข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบให้รอบด้านก่อน" นายวิทยากล่าว ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.เห็นชอบ ในหลักการเรื่องการทบทวนภารกิจของส่วนราชการ ตามมาตรา 33 แห่งพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ตามที่ ก.พ.ร. เสนอมา แต่นายกฯขอดูเรื่องนี้ด้วยตนเอง โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่าการให้หน่วยงานของรัฐออกนอกระบบราชการ ควรมีตัวอย่างนำร่องก่อน อย่าง ก.พ.ร.เองก็เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจความซ้ำซ้อนกับ ก.พ. เพราะวัตถุประสงค์เดิมจัดตั้ง ก.พ.ร.คือให้เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจ มีอายุ 3-4 ปี แต่ปัจจุบันอยู่มาประมาณ 7-8 ปีแล้ว ต้องพิจารณาภาพรวมทั้งระบบด้วย ขณะที่ นายอภิสิทธิ์แถลงภายหลังประชุม ครม.ว่า การที่จะให้หน่วยงานต่างๆ ไปการทบทวนภารกิจของหน่วยงานภาครัฐนั้นเป็นแนวทางสำคัญในการปรับปรุงระบบราชการ แต่ที่ ก.พ.ร.ดำเนินการไปแล้วคือให้หน่วยงานต่างๆ ไปทบทวนภารกิจของตัวเองนั้น ครม. พิจารณาแล้วว่าอาจจะทำให้เกิดความก้าวหน้าไปได้ยาก เพราะเมื่อหน่วยงานไปทบทวนภารกิจของตัวเองก็มักจะยืนยันว่าภารกิจส่วนใหญ่ของตัวเองเป็นภารกิจหลัก "ได้พูดคุยกับ ก.พ.ร.ไปบ้างแล้วว่าจะมีการเชิญประชุมร่วมกับ ก.พ.ให้ได้ภายใน 3 สัปดาห์ โดยจะหยิบเอากรณีตัวอย่างที่เป็นแบบอย่างของการปรับภารกิจของบางหน่วยงานที่ปรับตัวออกจากระบบราชการไปโดยมีมาตรการรองรับที่ดีกับทุกฝ่าย ก็จะทำเป็นลักษณะของโครงการนำร่อง ถ้าทำสำเร็จก็จะสามารถขับเคลื่อนตามเป้าหมายได้ดี" นายกฯระบุ รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า รัฐมนตรีหลายคนได้แสดงความเห็นคัดค้านการปฏิรูปราชการระลอก 3 ในช่วงนี้ โดยเฉพาะนายวิทยา แก้วภราดัย ที่ระบุว่าแนวคิดในการสถานีอนามัย (สอ.) ไปให้ อปท.เป็นไปได้น้อย ความ จริงควรพัฒนาและยกฐานะโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กขึ้นมา เพื่อให้บริการและทำงานร่วมกับ สธ.ได้ หากไปแยกส่วนให้เป็นเรื่องของ อปท. ดูแล จะทำให้การทำงานไม่ราบรื่น ที่ผ่านมากระทรวงได้ทดลองโอน สอ.ไป อปท. ประมาณ 30 แห่ง พบว่าไม่ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดนายกฯจึงขอให้ตีกลับเรื่องนี้ไปก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารของ ก.พ.ร.ที่นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. กำหนดเป้าหมายในการปรับภารกิจของส่วนราชการในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2554-2558) ว่า ให้ยุบเลิก หรือถ่ายโอนภารกิจของส่วนราชการให้แก่ภาคส่วนอื่นๆ ร้อยละ 30-40 ของภารกิจปัจจุบัน และปรับแต่งภารกิจที่ยังคงอยู่ให้มีอัตราสัดส่วนภารกิจหลักต่อภารกิจรองเท่ากับ 70 ต่อ 30 ขณะที่เป้าหมายในการ ปรับกำลังคนภาครัฐในช่วง 5 ปีคือ การลดจำนวนข้าราชการและพนักงานราชการให้เหมาะสมกับการถ่ายโอนภารกิจให้แก่ อปท. คิดเป็นข้าราชการ 51,838 อัตรา และพนักงานราชการ 55,250 อัตรา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดอัตรากำลังข้าราชการในภารกิจที่ถูกยุบเลิก หรือถ่ายโอนนั้น ในช่วง 5 ปีนี้จะไม่ให้บรรจุข้าราชการในอัตราข้าราชเกษียณอายุตามปกติ โดยคาดว่าจะมีข้าราชการเกษียณ 28,900 อัตรา (เฉลี่ยปีละ 5,780 อัตรา) อีกทั้งให้ขยายเวลาดำเนินโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด (เออร์ลี่รีไทร์) ปี 2552-2556 ออกไปอีก 2 ปี คาดว่าจะมีข้าราชการเข้าร่วมโครงการประมาณ 22,938 คน ทั้งนี้ ให้ตั้งงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินการ 13,330 ล้านบาท ส่วนภารกิจที่ต้องยุบเลิก หรือถ่ายโอน ให้พนักงานราชการปฏิบัติงานต่อจนสิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญาจ้าง พร้อมจัดโครงการฝึกอบรมและมอบเงินสนับสนุนเพื่อการประกอบอาชีพใหม่เพื่อเป็นการเยียวยา จำนวน 1,960 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งงบประมาณ 490 ล้านบาทในปี 2554 "การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวในช่วง 5 ปี (ปี 2554-2558) ต้องใช้งบฯทั้งสิ้น 15,290 ล้านบาท แต่จะสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 98,681 ล้านบาท และนับ จากปี 2559 เป็นต้นไปจะประหยัดงบฯได้ปีละ 36,001 ล้านบาท" เอกสาร ก.พ.ร.ระบุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้สำนักงาน ก.พ.ร.จะร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทบทวนภารกิจของตนให้เสร็จภายใน 6 เดือน โดย มีตัวอย่างหลายหน่วยงาน อาทิ สธ.ให้ โอนโรงพยาบาลศูนย์ให้คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้บริการทางการแพทย์ระดับสูง ฯลฯ ส่วนกรณีของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ทบทวนบทบาทภารกิจของส่วนราชการตามมาตรา 33 ของ พ.ร.ฎ.หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีฯ ยกเว้นภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ดำเนินการตามมติ ครม. วันที่ 27 ตุลาคม 2552 เช่นเดียวกับกรณีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงกลาโหม ที่ให้ดำเนินการตามมาตรา 33 เช่นกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเกณฑ์การวิเคราะห์ปรับบทบาทภาครัฐของ ก.พ.ร. แบ่งออกเป็น 6 ข้อคือ 1.เป็นภารกิจที่สำคัญ และมีความจำเป็นหรือไม่ 2.ภารกิจนี้จำเป็นที่กระทรวง/กรมต้องเป็นผู้ดำเนินการเองหรือไม่ 3.ภารกิจนี้ควรถ่ายโอนให้ อปท./ภาคเอกชน/ ภาคส่วนอื่นหรือไม่ 4.ภารกิจนี้มีหน่วยงานอื่นของรัฐดำเนินการอยู่แล้วหรือไม่ 5.ภารกิจนี้สมควรจัดตั้งเป็นหน่วยงานของรัฐรูปแบบอื่นหรือไม่ และ 6.ภารกิจนี้จำเป็นต้องดำเนินการเองทั้งหมดหรือไม่ ด้านนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร.กล่าวยืนยันว่า การปรับบทบาทและภารกิจของ สธ. ที่ปรากฏทางหน้าสื่อเป็นเพียงตุ๊กตาศึกษาไว้ในเบื้องต้นเท่านั้น พูดคุยกับปลัด สธ.แล้วว่า ก.พ.ร. กับ สธ. ต้องแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาการปรับบทบาทและภารกิจ สธ. ร่วมกันอีกครั้ง หลักการคือหากภารกิจใดไม่ใช่ภารกิจหลัก ก็สามารถถ่ายโอนให้ อปท. และภาคอื่นๆ ทำแทนได้ และไม่เฉพาะ สธ. เท่านั้น หน่วยงานต่างๆ ต้องจัดทำแผนการเปลี่ยน แปลงและการปรับบทบาทและภารกิจให้เสร็จภายใน 6 เดือน ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ก.พ.ร. และ ครม. ต่อไป

ผู้ตั้งกระทู้ ผู้สื่อข่าวกระจิบ และกระจอก :: วันที่ลงประกาศ 2009-11-25 19:58:11

[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3241858)
the elevation changes will surprise most native louisianans ugg boot flat ugg ultra short boots as many have no clue such a trail exists in the area ugg for sale ugg boot for sale it will come as
ผู้แสดงความคิดเห็น replica rolex วันที่ตอบ 2010-08-25 17:33:08

ความคิดเห็นที่ 2 (3242404)
fragrance louis vuitton reliableone of these things are the handbag paris catherine the family men"s handbag for sale fake handbag the popularity of the replica louis vuitton handba
ผู้แสดงความคิดเห็น swiss watches วันที่ตอบ 2010-08-25 20:16:07

ความคิดเห็นที่ 3 (3245957)
replica omega, replica omega fake watch, fake watch replica rolex, replica rolex mercedes benz, mercedes benz
ผู้แสดงความคิดเห็น omega watches วันที่ตอบ 2010-09-07 19:47:46

ความคิดเห็นที่ 4 (3250412)
big kid shoes big kid shoes boots womens boots womens botas ugg botas ugg uggs boots uggs boots
ผู้แสดงความคิดเห็น rolex วันที่ตอบ 2010-09-22 01:32:33

ความคิดเห็นที่ 5 (3272781)
tiffany & co, tiffany & co diamond engagement rings, diamond engagement rings jewellery uk, jewellery uk mens gifts, mens gifts
ผู้แสดงความคิดเห็น guess watches วันที่ตอบ 2011-01-04 14:48:39

[1]

แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล
	ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล